ตลาดหุ้นเอเชียเปิดร่วงลงในวันนี้ (9 เม.ย.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ จะเดินหน้าบังคับใช้มาตรการภาษีศุลกากรกับประเทศต่าง ๆ ตามกำหนดที่วางไว้
ดัชนีนิเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ระดับ 32,529.23 จุด ลดลง 483.35 จุด หรือ -1.46% ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ 19,494.92 จุด ลดลง 632.70 จุด หรือ -3.14% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดที่ 3,110.01 จุด ลดลง 35.54 จุด หรือ -1.13%
ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียร่วงลง 1.06% ส่วนดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปรับตัวลง 0.18%
สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ เปิดเผยว่า นับตั้งแต่ที่ปธน.ทรัมป์ประกาศมาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากรครั้งใหญ่เมื่อวันที่ 2 เม.ย. รัฐบาลของเกือบ 70 ประเทศก็ได้ติดต่อเข้ามาเพื่อขอเจรจาทางการค้ากับสหรัฐฯ ซึ่งสหรัฐฯ ก็เปิดกว้างสำหรับการเจรจากับประเทศต่าง ๆ
อย่างไรก็ตาม แคโรไลน์ เลวิตต์ โฆษกทำเนียบขาว กล่าวว่า ปธน.ทรัมป์จะบังคับใช้มาตรการภาษีศุลกากรตามกำหนด ซึ่งถือเป็นการดับความหวังของนักลงทุนที่ต่างก็คาดหวังว่าปธน.ทรัมป์อาจจะเลื่อนหรือผ่อนปรนการเรียกเก็บภาษี ก่อนที่มาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariff) จะมีผลบังคับใช้ในช่วงเที่ยงคืนของวันพุธที่ 9 เม.ย.ตามเวลาสหรัฐฯ
สำหรับจีนนั้น ทำเนียบขาวยืนยันว่า สหรัฐฯ จะเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนในอัตรา 104% ในวันนี้ตามเวลาสหรัฐฯ เช่นกัน โดยก่อนหน้านี้ปธน.ทรัมป์ให้เวลารัฐบาลจีนจนถึงวันอังคารที่ 8 เม.ย.ในการยกเลิกมาตรการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ ในอัตรา 34% มิฉะนั้นจีนจะถูกสหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมอีก 50% ซึ่งจะทำให้จีนถูกเรียกเก็บภาษีรวมสูงถึง 104%
นักลงทุนจับตาการประชุมของธนาคารกลางอินเดียในวันนี้ ขณะที่ตลาดคาดการณ์ว่าธนาคารกลางจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยติดต่อกันเป็นครั้งที่สอง ซึ่งจะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายของอินเดียลดลงมาอยู่ที่ระดับ 6%