ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าปรับตัวลงในวันนี้ (16 เม.ย.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับมาตรการภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ยังคงส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการซื้อขายในตลาด และบดบังปัจจัยบวกจากข้อมูลผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ที่แข็งแกร่งเกินคาดของจีน
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดเช้าที่ระดับ 34,016.31 จุด ลดลง 251.23 จุด หรือ -0.73% ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ระดับ 20,922.54 จุด ร่วงลง 543.73 จุด หรือ -2.53% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,237.60 จุด ลดลง 30.06 จุด หรือ -0.92%
ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปรับตัวลง 0.47% และดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียบวก 0.19%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นเอเชียยังคงถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับมาตรการภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ และบดบังปัจจัยบวกจากรายงานของสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) ซึ่งระบุว่า GDP จีนขยายตัว 5.4% ในไตรมาส 1/2568 เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งแข็งแกร่งกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะขยายตัวราว 5.1-5.2%
เศรษฐกิจจีนในไตรมาส 1 ได้รับปัจจัยหนุนจากการที่รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อรับมือกับผลกระทบจากการที่รัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศใช้มาตรการภาษีศุลกากรกับประเทศต่าง ๆ ซึ่งรวมถึง จีน ที่ถูกเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าสูงสุดในอัตรา 145%
นักลงทุนจับตาการกล่าวสุนทรพจน์ของเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในงานเสวนาว่าด้วยแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งจัดโดยสมาคมเศรษฐกิจแห่งชิคาโก (Economic Club of Chicago) ในวันนี้ เวลา 13.30 น. ตามเวลาสหรัฐฯ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้แนวโน้มเศรษฐกิจและทิศทางอัตราดอกเบี้ย ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากมาตรการภาษีศุลกากรของปธน.ทรัมป์