ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 500 จุด โดยได้แรงหนุนจากคำสั่งซื้อเก็งกำไร หลังตลาดหุ้นวอลล์สตรีทดิ่งลงอย่างหนักวานนี้
ณ เวลา 20.51 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 38,705.77 จุด บวก 535.36 จุด หรือ 1.40%
ดัชนีดาวโจนส์ทรุตตัวลงเกือบ 1,000 จุดวานนี้ ขณะที่ยังคงไม่มีความคืบหน้าในการเจรจาเพื่อแก้ไขความขัดแย้งเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าของสหรัฐ
จีนประกาศเตือนประเทศต่าง ๆ มิให้ทำข้อตกลงทางเศรษฐกิจและการค้ากับสหรัฐซึ่งจะสร้างความเสียหายต่อผลประโยชน์ของจีน โดยจีนพร้อมที่จะดำเนินมาตรการตอบโต้อย่างเด็ดขาด
กระทรวงพาณิชย์ของจีนแถลงว่า จีนเคารพสิทธิของแต่ละประเทศที่จะเจรจาและแก้ไขความขัดแย้งทางการค้ากับสหรัฐบนพื้นฐานของความเท่าเทียม แต่จีนขอคัดค้านอย่างหนักแน่น หากมีประเทศใดทำข้อตกลงที่จะส่งผลเสียต่อจีน และหากประเทศใดเลือกแนวทางดังกล่าว จีนก็จะดำเนินมาตรการตอบโต้อย่างเด็ดขาด
นอกจากนี้ นักลงทุนกังวลเกี่ยวกับการแทรกแซงความเป็นอิสระของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เรียกร้องอีกครั้งหนึ่งให้นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ปรับลดอัตราดอกเบี้ย
ปธน.ทรัมป์ระบุว่า เศรษฐกิจจะชะลอตัวลง นอกจากว่านายพาวเวลจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยตามธนาคารกลางยุโรป ซึ่งได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยถึง 7 ครั้ง
ด้านนายเควิน แฮสเซตต์ ที่ปรึกษาเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว กล่าวว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และคณะทำงาน ยังคงทำการศึกษาเกี่ยวกับการปลดนายพาวเวลออกจากตำแหน่ง
ปธน.ทรัมป์แสดงความไม่พอใจต่อนายพาวเวล หลังจากที่นายพาวเวลกล่าวว่า มาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากรของปธน.ทรัมป์จะทำให้เงินเฟ้อดีดตัวขึ้น และกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐและตลาดแรงงาน
นักลงทุนจับตาการประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน โดยบริษัทกว่า 100 แห่งในดัชนี S&P 500 จะเปิดเผยผลประกอบการในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงบริษัทในกลุ่ม Magnificent Seven ขณะที่บริษัทเทสลาจะเปิดเผยผลประกอบการหลังจากปิดตลาดวันนี้