ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเล็กน้อยในวันอังคาร (22 เม.ย.) โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มการเงินและหุ้นลอรีอัล (L'Oreal) หลังประกาศผลประกอบการดีเกินคาด แม้ว่าความเชื่อมั่นในตลาดยังเปราะบาง หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ วิจารณ์นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 507.71 จุด เพิ่มขึ้น 1.29 จุด หรือ +0.25%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,326.47 จุด เพิ่มขึ้น 40.61 จุด หรือ +0.56%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 21,293.53 จุด เพิ่มขึ้น 87.67 จุด หรือ +0.41% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,328.60 จุด เพิ่มขึ้น 52.94 จุด หรือ +0.64%
หุ้นลอรีอัลพุ่งขึ้น 6.3% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นรายวันสูงที่สุดในรอบเกือบ 7 เดือน หลังบริษัทเครื่องสำอางรายใหญ่ของฝรั่งเศสรายนี้รายงานยอดขายไตรมาสแรกเพิ่มขึ้นเกินคาด
หุ้นกลุ่มธนาคารยุโรปเพิ่มขึ้น 0.7% ขณะที่ดัชนีหุ้นกลุ่มทรัพยากรพื้นฐาน ซึ่งรวมบริษัทเหมืองแร่รายใหญ่ของยุโรป ปรับตัวขึ้น 1.2% จากราคาสินแร่ที่ปรับตัวสูงขึ้น
แต่ดัชนีหุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ลดลง 0.6% หลังหุ้นโนโว นอร์ดิสค์ (Novo Nordisk) บริษัทผู้ผลิตยาของเดนมาร์กร่วงลง 7.4% ต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2565 หลังผลการทดลองยาลดน้ำหนักและควบคุมน้ำตาลในเลือดของบริษัทคู่แข่งสหรัฐฯ อย่าง อิไล ลิลลี่ (Eli Lilly) แสดงผลได้เทียบเท่ากับยาโอเซมพิก (Ozempic) ของโนโว นอร์ดิสค์
ความตึงเครียดด้านการค้าโลกยังเป็นประเด็นหลักที่กดดันความเชื่อมั่นของนักลงทุน หลังจากวันหยุดยาวในช่วงเทศกาลอีสเตอร์
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจในสหรัฐฯ จีน และประเทศอื่น ๆ โดยระบุถึงผลกระทบจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ ที่พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 100 ปี พร้อมเตือนว่าความตึงเครียดทางการค้าเพิ่มเติมจะยิ่งฉุดการเติบโตทางเศรษฐกิจ
ขณะเดียวกัน การที่ประธานาธิบดีทรัมป์วิจารณ์พาวเวลอย่างต่อเนื่อง พร้อมเรียกร้องให้เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยโดยเร็ว ยิ่งสร้างความกังวลต่อความเป็นอิสระของเฟด