ตลาดหุ้นเอเชียเปิดบวกในวันนี้ (23 เม.ย.) ตามทิศทางตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งในวันอังคาร (22 เม.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนมีมุมมองบวกว่าสถานการณ์ตึงเครียดด้านการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนจะคลี่คลายลง
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดที่ระดับ 34,787.93 จุด เพิ่มขึ้น 567.33 จุด หรือ +1.66% ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดที่ระดับ 3,308.15 จุด เพิ่มขึ้น 8.39 จุด หรือ +0.25% และดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ระดับ 22,080.19 จุด เพิ่มขึ้น 517.87 จุด หรือ +2.40%
ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปรับตัวขึ้น 0.86% และดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียพุ่งขึ้น 1.55%
นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทการค้า หลังจากที่สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังของสหรัฐฯ กล่าวว่า เขาคาดว่าความขัดแย้งด้านการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนจะคลี่คลายลงในไม่ช้า
ทางด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ส่งสัญญาณว่าภาษีศุลกากรขั้นสุดท้ายที่สหรัฐฯ จะเรียกเก็บจากสินค้าจีนนั้น "จะไม่สูงถึง 145%" แต่ในขณะเดียวกันเขากล่าวว่า อัตราภาษีที่เรียกเก็บจากจีน "จะไม่เป็น 0%"
นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์กล่าวว่า เขาไม่มีเป้าหมายที่จะปลดเจอโรม พาวเวล ออกจากตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ก่อนที่พาวเวลจะครบวาระ ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับความเป็นอิสระของเฟด และยังเป็นปัจจัยหนุนดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์พุ่งขึ้นกว่า 500 จุดในช่วงเช้าวันนี้
แม้ว่าปธน.ทรัมป์กล่าวว่า เขาไม่มีเป้าหมายที่จะปลดพาวเวลออกจากตำแหน่งประธานเฟดก่อนที่พาวเวลจะครบวาระในเดือนพ.ค. 2569 แต่เขายังคงกดดันให้เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
ปธน.ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าวที่ห้องทำงานรูปไข่ในทำเนียบขาวว่า ทุกอย่างกำลังชะลอตัวลง แต่มีสิ่งเดียวที่ไม่เคยชะลอตัวลง นั่นคืออัตราดอกเบี้ย โดยเขาย้ำว่า "นี่เป็นเวลาที่เหมาะสมอย่างยิ่งในการปรับลด" อัตราดอกเบี้ยนโยบาย พร้อมกับกล่าวว่า "เราอยากเห็นประธานเฟดของเราตัดสินใจอย่างรวดเร็วหรือทันเวลา แทนที่จะช้าเกินไป"