ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดดิ่งลงกว่า 300 จุด หลุดแนว 40,000 จุดในวันนี้ หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ส่งสัญญาณเรียกเก็บภาษีศุลกากรสูงถึง 20-50% ต่อประเทศคู่ค้าภายในเวลา 1 ปี
นอกจากนี้ ดัชนียังถูกกดดันจากคำสั่งขายทำกำไร หลังตลาดดีดตัวขึ้น 3 วันติดต่อกัน
ณ เวลา 21.32 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 39,733.18 จุด ลบ 360.22 จุด หรือ 0.91%
ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์กล่าวให้สัมภาษณ์พิเศษต่อนิตยสารไทม์ที่ทำเนียบขาวเมื่อวันที่ 22 เม.ย. เนื่องในโอกาสครบรอบการปฏิบัติหน้าที่ 100 วันแรกของปธน.ทรัมป์
ในการให้สัมภาษณ์ดังกล่าว ปธน.ทรัมป์ได้กล่าวถึงหลากหลายประเด็น ซึ่งรวมถึงการทำสงครามการค้าและเศรษฐกิจของสหรัฐ, ผู้อพยพเข้าประเทศ, อำนาจของประธานาธิบดี รวมทั้งสถานการณ์ในยูเครนและตะวันออกกลาง
ปธน.ทรัมป์เริ่มต้นด้วยการกล่าวว่า เขารู้สึกว่าได้ประสบความสำเร็จอย่างมากจากผลงานการเป็นประธานาธิบดีในช่วง 100 วันแรก
ปธน.ทรัมป์กล่าวว่า เขาจะถือว่าสหรัฐได้รับชัยชนะอย่างสมบูรณ์ หากสหรัฐเรียกเก็บภาษีศุลกากรสูงถึง 20-50% ต่อประเทศคู่ค้าภายในเวลา 1 ปีต่อจากนี้
นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ปฏิเสธข่าวลือที่ว่า การพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาต้องยอมเลื่อนการเรียกเก็บภาษีตอบโต้ออกไปเป็นเวลา 90 วัน
"ตลาดพันธบัตรมีความวิตก แต่ผมไม่วิตก" ปธน.ทรัมป์กล่าว
ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้น 2% นับตั้งแต่ต้นสัปดาห์ ขานรับการแสดงท่าทีประนีประนอมของปธน.ทรัมป์ในการเจรจาการค้ากับจีน โดยเขาระบุว่า อัตราภาษีในอัตรา 145% ที่เรียกเก็บกับสินค้านำเข้าจากจีน "ถือว่าอยู่ในระดับที่สูงมาก แต่สหรัฐจะไม่เรียกเก็บภาษีที่สูงเช่นนั้น โดยจะลดลงต่ำกว่านั้นมาก แต่ไม่ถึงระดับ 0%"