ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเล็กน้อยในวันศุกร์ (25 เม.ย.) และปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 10 ซึ่งยาวนานที่สุดในรอบ 8 ปี หลังนักลงทุนตอบรับในเชิงบวกต่อสัญญาณการผ่อนคลายความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 8,415.25 จุด เพิ่มขึ้น 7.81 จุด หรือ +0.09% และปิดบวกต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 2
จีนได้ยกเว้นภาษีสินค้านำเข้าบางรายการจากสหรัฐฯ ที่เดิมเก็บภาษีไว้สูงถึง 125% และขอให้บริษัทต่างๆ แจ้งสินค้าที่จำเป็นต้องนำเข้าโดยไม่ถูกเก็บภาษี ซึ่งถือเป็นสัญญาณความกังวลที่ชัดเจนที่สุดของรัฐบาลจีนเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากสงครามการค้า
อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงระมัดระวัง หลังนิตยสารไทม์เผยแพร่บทสัมภาษณ์ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ซึ่งกล่าวว่า การคงภาษีนำเข้าที่ระดับสูงในอีก 1 ปีข้างหน้าจะถือเป็นชัยชนะโดยสมบูรณ์
ด้านยอดค้าปลีกของอังกฤษเพิ่มขึ้นเกินคาด 0.4% ในเดือนมี.ค. ทำให้ไตรมาสแรกแข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่ปี 2564 แต่แนวโน้มนี้อาจไม่ยั่งยืน เนื่องจากความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลงในเดือนเม.ย. แตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปลายปี 2566 เนื่องจากต้นทุนพลังงานพุ่งสูงขึ้น
หุ้นกลุ่มอากาศยานและการป้องกันประเทศเพิ่มขึ้น 1.7% โดยหุ้นแบ็บค็อก อินเตอร์เนชันแนล กรุ๊ป (Babcock International Group) บริษัทวิศวกรรมของอังกฤษ ปรับตัวขึ้น 1.5% หลังคาดการณ์ว่ากำไรจากการดำเนินงานประจำปีจะสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ประเมินไว้
อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มร้านขายของชำและของใช้ส่วนตัวลดลง 1.7% โดยหุ้นมาร์ค แอนด์ สเปนเซอร์ (Marks & Spencer) ร่วง 2.2% หลังมีรายงานว่าบริษัทระงับการสั่งซื้อสินค้าผ่านเว็บไซต์และแอปพลิเคชันในสหราชอาณาจักรและไอร์แลนด์เมื่อวันศุกร์ จากเหตุการณ์ที่อาจเกี่ยวข้องกับการโจมตีทางไซเบอร์เมื่อต้นสัปดาห์