ทั้งนี้ หุ้นโฟล์คสวาเกนทรุดตัวลง 7.7% สู่ระดับ 102.40 ยูโรในการซื้อขายช่วงแรก โดยร่วงลงเป็นวันที่ 2 ต่อเนื่องจากวานนี้
โฟล์คสวาเกน เปิดเผยว่า มีรถยนต์ที่เกี่ยวข้องกับปัญหาการปล่อยไอเสียจำนวน 800,000 คัน
บริษัทระบุว่า พบความไม่สอดคล้องกันของค่ามลพิษในรถยนต์ดังกล่าว ซึ่งอาจจะส่งผลให้บริษัทมีค่าใช้จ่ายจำนวน 2 พันล้านยูโร (2.2 พันล้านดอลลาร์)
ทั้งนี้ โฟล์คสวาเกนถูกตรวจพบว่าได้ติดตั้งซอฟต์แวร์ในสหรัฐเพื่อโกงผลการทดสอบการปล่อยมลภาวะ โดยซอฟต์แวร์ที่ติดตั้งในรถยนต์โดยโฟล์คสวาเกนดังกล่าวจะสามารถเปิดระบบการควบคุมการปล่อยมลพิษเมื่อรถยนต์อยู่ระหว่างการตรวจสอบค่ามลพิษ เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรกฐานการปล่อยค่ามลพิษตามกฎหมาย
หากเป็นการขับขี่ปกติ รถยนต์ที่ติดตั้งซอฟต์แวร์ดังกล่าวจะปล่อยมลพิษได้มากถึง 40 เท่าของมาตรฐาน ขณะที่โฟล์คสวาเกนยอมรับว่ามีรถยนต์ดีเซล 11 ล้านคันในทั่วโลกที่เกี่ยวข้องกับข่าวอื้อฉาวดังกล่าว
เมื่อวานนี้ หุ้นโฟล์คสวาเกนดิ่งลง หลังจากเจ้าหน้าที่สหรัฐกล่าวหาบริษัทเป็นครั้งที่ 2 กรณีโกงการตรวจจับมลพิษในไอเสีย
ทั้งนี้ สำนักงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อมของสหรัฐ (EPA) ได้ออกหนังสือแจ้งเตือนการละเมิด (NOV) เป็นครั้งที่ 2 แก่บริษัทโฟล์คสวาเกน อันเป็นผลจากการติดตั้งซอฟต์แวร์โกงการตรวจสอบไอเสียในรถยนต์ดีเซลที่มีเครื่องยนต์ขนาดใหญ่
EPA ระบุว่า โฟล์คสวาเกน เอจี, ออดี้ และโฟล์คสวาเกน กรุ๊ป ออฟ อเมริกา รวมทั้งพอร์ช เอจี และพอร์ช คาร์ส นอร์ท อเมริกา ได้ทำการติดตั้งซอฟต์แวร์ในรถยนต์ดีเซลแบบ 6 สูบ (3.0 ลิตร) สำหรับรถปี 2014 ไปจนถึงปี 2016 เพื่อเลี่ยงมาตรฐานไอเสีย
EPA เปิดเผยว่า รถยนต์ดีเซลที่เข้าข่ายดังกล่าวประกอบไปด้วย VW Touareg รุ่นปี 2014, Porsche Cayenne รุ่นปี 2015, Audi A6 Quattro รุ่นปี 2016, A7 Quattro, A8, A8L และ Q5 โดยซอฟต์แวร์ดังกล่าวกำหนดให้รถยนต์เหล่านี้อยู่ในโหมดพลังงานสะอาดขณะทำการทดสอบการปล่อยมลพิษ แต่เมื่อกลับเข้าสู่โหมดการขับขี่ปกติแล้ว รถเหล่านี้อาจมีการปล่อยไนโตรเจนออกไซด์เกินกว่ามาตรฐาน EPA สูงสุดถึง 9 เท่า