นักวิเคราะห์ระบุว่า การเปิดเผยผลประกอบการของธนาคารขนาดใหญ่ของสหรัฐในวันนี้ ซึ่งเป็นวันศุกร์ที่ 13 จะเป็นบททดสอบว่าตลาดจะสามารถรักษาช่วงขาขึ้นที่ได้ดำเนินมานับตั้งแต่ที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ ชนะการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 8 พ.ย.ได้หรือไม่
ทั้งนี้ ในวันนี้จะมีการเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 4 ของธนาคารเจพีมอร์แกน เชส, แบงก์ ออฟ อเมริกา และเวลส์ ฟาร์โก
หุ้นกลุ่มการเงินของดัชนี S&P 500 ของตลาดหุ้นนิวยอร์กได้พุ่งขึ้น 17% นับตั้งแต่วันเลือกตั้งในสหรัฐ จากความคาดหวังที่ว่า รัฐบาลของนายทรัมป์จะผ่อนคลายกฎระเบียบในภาคการเงิน ขณะที่อัตราดอกเบี้ยจะปรับตัวขึ้น
และเนื่องจากวันนี้เป็นวันศุกร์ที่ 13 นายไรอัน เดทริค นักวิเคราะห์ตลาดอาวุโสของแอลพีแอล ไฟแนนเชียล กล่าวว่า ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทมักปรับตัวในกรอบแคบๆในวันศุกร์ที่ 13 โดยมีแนวโน้มขาลง ซึ่งจากสถิติที่ผ่านมา โดยเฉลี่ยแล้ว ตลาดหุ้นจะอ่อนตัวลง 0.02% นับตั้งแต่ปี 1928 ขณะที่การซื้อขายในตลาดซึ่งตรงกับวันศุกร์ที่ 13 ในช่วง 3 ครั้งหลังสุด ดัชนี S&P 500 ได้ปิดตลาดในแดนลบทุกครั้ง และร่วงลงโดยเฉลี่ย 0.8%