นายจูเลียน เอมมานูเอล นักวิเคราะห์ของยูบีเอส เตือนว่า ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะทรุดตัวลง 10% หลังจากที่ดัชนีดาวโจนส์ทำสถิติดิ่งลงวานนี้รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ต้นปี
ดัชนีดาวโจนส์ปิดร่วงลงกว่า 200 จุด หรือกว่า 1% เมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนในการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งรวมถึงการปรับลดภาษี และการปฏิรูประบบประกันสุขภาพ
ก่อนหน้านี้ ตลาดหุ้นสหรัฐดีดตัวขึ้น นับตั้งแต่นายทรัมป์ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ โดยคาดหวังว่าเขาจะทำการกระตุ้นเศรษฐกิจ, ผ่อนคลายกฎระเบียบสหรัฐ และใช้จ่ายงบประมาณจำนวนมากในโครงการสาธารณูปโภค แต่ขณะนี้สิ่งเหล่านี้ยังไม่มีความคืบหน้าที่เป็นรูปธรรมแต่อย่างใด
"เราคาดว่าตลาดหุ้นจะปรับฐานลง 5-10% ซึ่งเราได้เคยพูดมาเป็นเวลาหลายสัปดาห์แล้ว" นายเอมมานูเอลระบุในรายงาน
ทางด้านนายเดนนิส การ์ทแมน บรรณาธิการ และผู้ตีพิมพ์ Gartman Letter ระบุว่า ตลาดหุ้นสหรัฐมีแนวโน้มดิ่งลงต่อไปอีกอย่างน้อย 5%
"นี่เป็นการเริ่มต้นของการปรับฐานอย่างน้อย 5% หรืออาจจะหนักกว่านี้ เมื่อเวลาผ่านไป" นายการ์ทแมนกล่าว
นายการ์ทแมนกล่าวเสริมว่า ถึงแม้ผลประกอบการของริษัทจดทะเบียนจะมีความแข็งแกร่ง แต่นักลงทุนจะต้องใช้ความระมัดระวัง
"ในช่วงปลายของภาวะกระทิง ผลประกอบการมักจะดูดี ซึ่งผลประกอบการมักจะไม่ย่ำแย่ จนกว่าคุณจะเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจในช่วงขาลง" เขากล่าว