นายไมค์ เบลล์ นักวิเคราะห์จากเจพีมอร์แกน แอสเซท แมเนจเมนท์ กล่าวว่า นักลงทุนไม่ควรกังวลต่อราคาหุ้นในตลาดที่พุ่งสูงในขณะนี้ และเวลานี้ยังไม่ใช่เวลาที่จะลดการถือครองสินทรัพย์เสี่ยง
"แม้ว่าราคาหุ้นพุ่งขึ้นอย่างมาก แต่มูลค่าหุ้นก็ยังไม่เปลี่ยนแปลงมากนับตั้งแต่เริ่มต้นปี 2017 สำหรับตลาดยุโรป สหราชอาณาจักร และญี่ปุ่น เนื่องจากผลประกอบการก็ขยายตัวอย่างแข็งแกร่งเช่นกัน" นายเบลล์กล่าว
"มีแต่เพียงตลาดเกิดใหม่ และตลาดสหรัฐเท่านั้นที่มูลค่าหุ้นได้ดีดตัวขึ้น ขณะที่ราคาหุ้นพุ่งขึ้นมากกว่าตัวเลขคาดการณ์ผลประกอบการ โดยราคาหุ้นสหรัฐเริ่มมีราคาแพงเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยระยะยาว" เขากล่าว
นายเบล์ยังระบุว่า การที่ตลาดแรงงานสหรัฐมีความแข็งแกร่ง, การใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายในยุโรป, ภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกที่ปรับตัวดีขึ้น และข้อมูลที่บ่งชี้ว่าราคาหุ้นจะดีดตัวขึ้นในปีนี้ ได้ช่วยสนับสนุนมุมมองที่ว่าตลาดหุ้นยังคงมีโอกาสในการปรับตัวขึ้นต่อไป
ทั้งนี้ เจพีมอร์แกน แอสเซท แมเนจเมนท์ คาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3-4 ครั้งในปีนี้ โดยสูงกว่าที่ตลาดการเงินคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 2 ครั้ง
"เราเชื่อว่าตลาดหุ้นจะสามารถปรับตัวรับการขึ้นอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้งในปีนี้ แต่หากเงินเฟ้อยังคงดีดตัวขึ้น และทำให้เฟดขึ้นดอกเบี้ยอีก 3-4 ครั้งในปีหน้า ก็จะส่งผลให้เศรษฐกิจชะลอตัวในปี 2019 หรือปี 2020 ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้น เนื่องจากจะทำให้นักลงทุนวิตกว่าจะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย"