สำนักงานกำกับดูแลการเงินของเกาหลีใต้ (FSS) เปิดเผยว่า นักลงทุนต่างชาติได้เทขายหุ้นเกาหลีใต้มาเป็นเวลา 3 เดือนติดต่อกัน เนื่องจากความวิตกกังวลว่ามาตรการกีดกันการค้าของสหรัฐอาจจุดชนวนให้เกิดสงครามการค้า
FSS ระบุว่า นักลงทุนต่างชาติได้ขายหุ้นในตลาดเกาหลีใต้ไปเป็นมูลค่าถึง 7.15 แสนล้านวอน (634 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในเดือนมิ.ย. โดยได้มีการเทขายหุ้นออกมาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เดือนเม.ย.ที่ผ่านมา
การเทขายหุ้นของนักลงทุนต่างชาติเป็นผลมาจากความกังวลที่มีมากขึ้นที่ว่า มาตรการกีดกันการค้าของสหรัฐจะทำให้เกิดสงครามการค้า และส่งกระทบต่อเศรษฐกิจที่พึ่งพาการส่งออกเป็นหลักของเกาหลีใต้
ทั้งนี้ ข้อมูล ณ สิ้นเดือนมิ.ย. พบว่า นักลงทุนต่างชาติถือครองหุ้นเกาหลีใต้อยู่ทั้งสิ้น 596.9 ล้านล้านวอน (5.289 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งคิดเป็น 31.9% ของมูลค่าตลาดทั้งหมด
ส่วนมูลค่าการลงทุนสุทธิในพันธบัตรเกาหลีใต้ของนักลงทุนต่างชาติอยู่ที่ 2.06 ล้านล้านวอน (1.83 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในเดือนมิ.ย. ซึ่งมูลค่าการลงทุนสุทธิในที่นี้หมายถึงมูลค่าพันธบัตรที่ถูกซื้อไปทั้งหมดหักลบด้วยยอดหนี้ครบกำหนดชำระ
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สาเหตุที่นักลงทุนต่างชาติเข้ามาเข้าซื้อพันธบัตรเกาหลีใต้นั้นเนื่องจากอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ในระดับใกล้แตะระดับต่ำสุด โดยธนาคารกลางเกาหลีใต้ (BOK) ได้มีมติในการประชุมเมื่อสัปดาห์ที่แล้วให้คงอัตราดอกเบี้ยที่ 1.5% ซึ่งเป็นการตรึงอัตราดอกเบี้ยติดต่อกันเป็นเดือนที่ 8 นับตั้งแต่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจากระดับต่ำสุดที่ 1.25% เมื่อเดือนพ.ย. 2560