นายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐ ได้แสดงความเห็นว่า การร่วงลงอย่างหนักของตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ เป็นเพียงการพักฐาน และไม่ได้สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาเชิงระบบแต่อย่างใด
นายมนูชินเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวนอกรอบการประชุมประจำปีของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ที่เกาะบาหลีของอินโดนีเซียในช่วงเช้าวันนี้ว่า ตลาดหุ้นสหรัฐเพียงแต่เข้าสู่ระยะพักฐาน พร้อมระบุว่า ปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจของสหรัฐยังคงแข็งแกร่งมาก และนี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐทะยานขึ้นอย่างคึกคักในช่วงที่ผ่านมา ดังนั้น การที่ตลาดเข้าสู่ภาวะพักฐานเมื่อคืนนี้ จึงไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจ
การแสดงความเห็นของนายมนูชินสอดคล้องกับที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวก่อนที่จะเดินทางไปร่วมรณรงค์หาเสียงในรัฐเพนซิลวาเนียเมื่อวานนี้ว่า "การร่วงลงของตลาดหุ้นสหรัฐเมื่อคืนนี้ เป็นการพักฐาน"
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลง 831.83 จุด หรือ -3.15% ปิดที่ 25,598.74 จุดเมื่อคืนนี้ หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐพุ่งขึ้น ภายหลังจากทางการสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อพุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 8 เดือน โดยเมื่อเวลา 20.04 น.ตามเวลาไทยเมื่อคืนนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ดีดตัวสู่ระดับ 3.241% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปี ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 3.401%
ทั้งนี้ พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีถือเป็นพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่ใช้อ้างอิงในการกำหนดราคาของตราสารหนี้ทั่วโลก รวมถึงอัตราดอกเบี้ยจำนองของสหรัฐ ซึ่งหากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวขึ้น จะทำให้ผู้บริโภคมีเงินสำหรับการใช้จ่ายลดน้อยลง ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการจ่ายเงินกู้จำนองเพิ่มมากขึ้น และบริษัทต่างๆจะเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นจากการชำระหนี้ จึงทำให้บริษัทเหล่านี้ลดการลงทุน และลดการจ่ายเงินปันผลแก่นักลงทุน