ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 7 ธ.ค. 2561
--ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 500 จุดเมื่อคืนนี้ (7 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากนายปีเตอร์ นาวาร์โร ที่ปรึกษานโยบายการค้าประจำทำเนียบขาวกล่าวว่า สหรัฐจะปรับขึ้นอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน หากทั้งสองประเทศไม่สามารถบรรลุข้อตกลงการเจรจาการค้าในช่วงเวลา 90 วัน โดยความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าได้สกัดปัจจัยบวกจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า หลังจากตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ย.ของสหรัฐขยายตัวต่ำกว่าคาด
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,388.95 จุด ร่วงลง 558.72 จุด หรือ -2.24% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,633.08 จุด ลดลง 62.87 จุด หรือ -2.33% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,969.25 จุด ลดลง 219.01 จุด หรือ -3.05%
ตลอดทั้งสัปดาห์ ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลงทั้งสิ้น 4.5% ขณะที่ดัชนี S&P500 ลดลง 4.6% และดัชนี Nasdaq ร่วงลง 4.9% โดยดัชนีหลักทั้ง 3 ดัชนีปรับตัวลงรายสัปดาห์ที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.ปีนี้
--ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (7 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าช้อนซื้อเก็งกำไร หลังจากตลาดปิดร่วงลงติดต่อกัน 3 วันทำการที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงระมัดระวังการซื้อขายในช่วงเวลาที่ข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐและจีนยังไม่มีแนวโน้มคลี่คลายลง
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดบวก 0.62% แตะที่ระดับ 345.45 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,813.13 จุด เพิ่มขึ้น 32.68 จุด หรือ +0.68% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,778.11 จุด เพิ่มขึ้น 74.06 จุด หรือ +1.10% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,788.09 จุด ลดลง 22.89 จุด หรือ 0.07%
--ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (7 ธ.ค.) โดยหุ้นกลุ่มธุรกิจสร้างบ้านพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง หลังจากธนาคารฮาลิแฟ็กซ์เปิดเผยว่า ราคาบ้านในอังกฤษในช่วงเดือนก.ย.-พ.ย.ปรับตัวเพิ่มขึ้นสอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,778.11 จุด เพิ่มขึ้น 74.06 จุด หรือ +1.10%
--สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (7 ธ.ค.) หลังจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตรนอกกลุ่มโอเปก ซึ่งรวมถึงรัสเซีย สามารถบรรลุข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันรวมกัน 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน ในการประชุมที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรียเมื่อวานนี้
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. พุ่งขึ้น 1.12 ดอลลาร์ หรือ 2.2% ปิดที่ 52.61 ดอลลาร์/บาร์เรล และตลอดทั้งสัปดาห์ สัญญาน้ำมัน WTI ปรับตัวขึ้นราว 3.3%
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 1.61 ดอลลาร์ หรือ 2.7% ปิดที่ 61.67 ดอลลาร์/บาร์เรล และตลอดทั้งสัปดาห์ สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวขึ้นราว 3.7%
--สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (7 ธ.ค.) โดยนักลงทุนยังคงเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากตลาดหุ้นสหรัฐร่วงลงอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังเพิ่มความน่าดึงดูดให้สัญญาทองคำด้วยเช่นกัน
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 9.00 ดอลลาร์ หรือ 0.72% ปิดที่ 1,252.60 ดอลลาร์/ออนซ์ และตลอดทั้งสัปดาห์ สัญญาทองคำปรับตัวขึ้นราว 2.2%
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 18.7 เซนต์ หรือ 1.29% ปิดที่ 14.696 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 80 เซนต์ หรือ 0.1% ปิดที่ 790.40 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค. พุ่งขึ้น 28.90 ดอลลาร์ หรือ 2.5% ปิดที่ 1170.80 ดอลลาร์/ออนซ์
--ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (7 ธ.ค.) หลังจากกระทรวงแรงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ย.ที่ขยายตัวน้อยกว่าคาด ซึ่งส่งผลให้เกิดกระแสคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9892 ฟรังก์ จากระดับ 0.9931 ฟรังก์ และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3282 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3392 ดอลลาร์แคนาดา แต่หากเทียบกับเงินเยน ดอลลาร์ทรงตัวที่ระดับ 112.64 เยน
ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1421 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1374 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.2751 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2776 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.7209 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7222 ดอลลาร์สหรัฐ
--ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดวันทำการล่าสุดที่ 24,388.95 จุด ลดลง 558.72 จุด, -2.24%
--ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดวันทำการล่าสุดที่ 2,633.08 จุด ลดลง 62.87 จุด, -2.33%
--ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดวันทำการล่าสุดที่ 6,969.25 จุด ลดลง 219.01 จุด, -3.05%
--ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดวันทำการล่าสุดที่ 10,788.09 จุด ลดลง 22.89 จุด, 0.07%
--ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดวันทำการล่าสุดที่ 6,778.11 จุด เพิ่มขึ้น 74.06 จุด, +1.10%
--ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดวันทำการล่าสุดที่ 4,813.13 จุด เพิ่มขึ้น 32.68 จุด, +0.68%
--ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,681.50 จุด เพิ่มขึ้น 23.80 จุด, +0.42%
--ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 21,678.68 จุด เพิ่มขึ้น 177.06 จุด, +0.82%
--ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 9,760.88 จุด เพิ่มขึ้น 76.16 จุด, +0.79%
--ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 2,075.76 จุด เพิ่มขึ้น 7.07 จุด, +0.34%
--ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 2,605.89 จุด เพิ่มขึ้น 0.71 จุด, +0.03%
--ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 7,461.06 จุด ลดลง 74.26 จุด, -0.99%
--ดัชนี VN ตลาดหุ้นเวียดนามปิดที่ 958.59 จุด เพิ่มขึ้น 3.77 จุด, +0.39%
--ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 26,063.76 จุด ลดลง 92.62 จุด, -0.35%
--ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 6,126.36 จุด เพิ่มขึ้น 10.87 จุด, +0.18%
--ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,680.54 จุด ลดลง 2.80 จุด, -0.17%
--ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 3,111.12 จุด ลดลง 4.40 จุด, -0.14%
--ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 35,673.25 จุด เพิ่มขึ้น 361.12 จุด, +1.02%