ราคาหุ้นของธนาคารดอยซ์แบงก์ ซึ่งเป็นธนาคารขนาดใหญ่ที่สุดของเยอรมนี ยังคงดิ่งลงอย่างต่อเนื่องในวันนี้ โดยล่าสุดทรุดตัวลงกว่า 7% หลังจากพุ่งขึ้นเกือบ 4% ในช่วงแรก ขานรับแผนปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ของทางธนาคาร
ทั้งนี้ ดอยซ์แบงก์ประกาศปรับลดพนักงาน 18,000 ตำแหน่ง เหลือ 74,000 ตำแหน่งภายในปี 2565, ปรับลดสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงลงราว 40% ในธุรกิจที่ประสบปัญหา และจะไม่มีการจ่ายเงินปันผลในปี 2562 และ 2563
นอกจากนี้ ดอยซ์แบงก์เตรียมถอนตัวออกจากธุรกิจซื้อขายหลักทรัพย์ทั่วโลก และคาดว่าการปรับโครงสร้างครั้งนี้จะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 7.4 พันล้านยูโรภายในปี 2565 ซึ่งอาจส่งผลให้ธนาคารขาดทุนราว 2.8 พันล้านยูโรในไตรมาส 2/2562 โดยธนาคารจะเปิดเผยผลประกอบการประจำไตรมาส 2 ในวันที่ 25 ก.ค.
ขณะเดียวกัน ดอยซ์แบงก์ยังมีแผนตั้ง bad bank มูลค่า 7.4 หมื่นล้านยูโร (8.305 หมื่นล้านดอลลาร์) เพื่อบริหารสินทรัพย์ที่มีปัญหา
ทั้งนี้ การปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ของดอยช์แบงก์เกิดขึ้นหลังจากการเจรจาควบรวมกิจการระหว่างดอยซ์แบงก์ และคอมเมิร์ซแบงก์ ซึ่งเป็นธนาคารคู่แข่ง ประสบความล้มเหลว โดยทั้งสองฝ่ายไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกันได้ แม้ว่าการเจรจาดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลเยอรมนี ซึ่งต้องการผลักดันให้ภาคธนาคารมีความแข็งแกร่ง
นายเจมส์ ฟอน มอลท์เก หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของธนาคารดอยซ์แบงก์ กล่าวว่า แผนการปรับโครงสร้างธนาคารครั้งล่าสุด จะเป็นการปรับโครงสร้างเป็นครั้งสุดท้ายของธนาคาร หลังจากที่ได้ดำเนินการดังกล่าวมาหลายครั้งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
"เรามีความมั่นใจว่าการปรับโครงสร้างครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายของทางธนาคาร โดยเรากำลังมองไปข้างหน้า และให้ความสนใจต่อธุรกิจหลักของเรา ซึ่งการปลดพนักงานถือเป็นสิ่งที่เจ็บปวดสำหรับพวกเราทุกคน แต่ก็เป็นผลลัพธ์ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้จากการปรับโครงสร้าง" เขากล่าว
นายมอลท์เกยังกล่าวว่า คณะกรรมการของธนาคารได้ทำงานอย่างหนักเพื่อกำหนดเป้าหมายที่สามารถบรรลุได้ เพื่อหลีกเลี่ยงการปลดพนักงานรอบใหม่ และเพื่อให้ธนาคารสามารถกลับมามีกำไรอีกครั้ง