มอร์แกน สแตนลีย์ประกาศปรับลดน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลก ท่ามกลางความวิตกที่ว่า การขยายตัวที่อ่อนแอของเศรษฐกิจโลกจะหักล้างมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของธนาคารกลางต่างๆ
ทั้งนี้ มอร์แกน สแตนลีย์แนะนำให้นักลงทุนลดน้ำหนักการลงทุนในหุ้น, คงน้ำหนักการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล และเพิ่มน้ำหนักในการถือครองเงินสด
นอกจากนี้ มอร์แกน สแตนลีย์ระบุว่า สินทรัพย์ที่น่าลงทุนมากที่สุดยังคงเป็นตราสารหนี้ในตลาดเกิดใหม่
นายแอนดรูว์ ชีทส์ หัวหน้านักวิเคราะห์สินทรัพย์ของมอร์แกน สแตนลีย์ ระบุในรายงานว่า ถึงแม้ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทมีความเชื่อมั่นต่อการใช้มาตรการผ่อนคลายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แต่นักลงทุนยังไม่ได้ปรับตัวรับความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจจะชะลอตัวลงในช่วงหลายเดือนข้างหน้า
"ปัจจัยบวกจากการใช้นโยบายผ่อนคลายจะถูกหักล้างจากปัจจัยลบของเศรษฐกิจที่ชะลอการเติบโต" รายงานระบุ
นายชีทส์เปิดเผยว่า ในช่วง 12 เดือนข้างหน้า มอร์แกน สแตนลีย์คาดการณ์ว่า ดัชนี S&P 500, MSCI Europe, MSCI EM และ Topix Japan จะปรับตัวขึ้นเพียง 1%
นายชีทส์ระบุว่า นักลงทุนไม่ได้เรียนรู้ว่า เมื่อธนาคารกลางใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงิน ขณะที่เศรษฐกิจชะลอตัวลง ปัจจัยการขยายตัวที่อ่อนแอของเศรษฐกิจมักส่งผลกระทบทำให้ผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้นลดน้อยลง ขณะที่ทำให้ผลประกอบการซบเซา ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและประเทศคู่ค้า, ตัวเลขภาคการผลิตที่อ่อนแอ และการคาดการณ์เงินเฟ้อที่ลดลง
นายชีทส์เตือนว่า ผลประกอบการในไตรมาส 2 จะสร้างความผิดหวังต่อนักลงทุน ซึ่งขณะนี้กำลังมีความเชื่อมั่นมากเกินไปเกี่ยวกับตัวเลขคาดการณ์ผลประกอบการประจำปีนี้