ข้อมูลจาก Bespoke ระบุว่า ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทมักพุ่งขึ้นในเดือนธ.ค. โดยการปรับตัวของดัชนี S&P 500 นับตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.ถึงเทศกาลขอบคุณพระเจ้าในสัปดาห์ที่แล้ว ถือว่าดีที่สุดเป็นอันดับที่ 14 นับตั้งแต่ปี 2471
Bespoke ระบุว่า นับตั้งแต่ปี 2471 หากตลาดหุ้นพุ่งขึ้น 20% หรือมากกว่านั้นภายในช่วงเทศกาลขอบคุณพระเจ้า เช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นในปีนี้ ดัชนี S&P 500 มักปิดตลาดดีดตัวขึ้นในช่วงสิ้นปี โดยปรับตัวขึ้นเฉลี่ย 1.8% ระหว่างวันแบล็กฟรายเดย์และวันสิ้นปี
"เดือนธันวาคมมักเป็นเดือนที่ตลาดหุ้นพุ่งขึ้นมากที่สุด โดยดัชนี S&P 500 ดีดตัวขึ้น 1.6% โดยเฉลี่ย ขณะที่สถิติบ่งชี้โอกาส 76% ในการปรับตัวขึ้นในเดือนนี้" นายแซม สโตวอลล์ นักวิเคราะห์จาก CFRA กล่าว
นอกจากนี้ นายสโตวอลล์ยังระบุว่า เดือนธันวาคมเป็นเดือนที่ตลาดหุ้นมีความผันผวนน้อยที่สุด
"ตลาดอาจอ่อนตัวลงในช่วงกลางเดือนธันวาคม แต่ก็จะเป็นโอกาสที่ดีในการเข้าซื้อเก็งกำไร จนถึงช่วงสิ้นเดือนมกราคม แต่ตลาดจะไม่มีการปรับฐานครั้งใหญ่" เขากล่าว
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์ยังคงเตือนให้นักลงทุนจับตาความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ซึ่งอาจเป็นปัจจัยกระทบการปรับตัวของตลาดหุ้นวอลล์สตรีทในเดือนนี้
แหล่งข่าวระบุว่า มีความเป็นไปได้ที่ทั้งสองฝ่ายจะบรรลุข้อตกลงการค้าก่อนวันที่ 15 ธ.ค. ซึ่งเป็นกำหนดวันที่สหรัฐจะเรียกเก็บภาษี 15% ต่อสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 1.56 แสนล้านดอลลาร์ แต่ถึงแม้ทั้งสองฝ่ายไม่สามารถบรรลุข้อตกลงการค้าก่อนวันดังกล่าว ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ก็มีแนวโน้มที่จะเลื่อนการจัดเก็บภาษีดังกล่าวออกไป เนื่องจากไม่ต้องการให้ผู้บริโภคของสหรัฐได้รับผลกระทบจากราคาสินค้าที่จะพุ่งขึ้น ซึ่งรวมถึงสมาร์ทโฟน หากมีการเรียกเก็บภาษีจากจีน ขณะที่ใกล้กับช่วงเทศกาลช็อปปิ้งของสหรัฐ