หุ้นของบริษัทเทสโก้ ซึ่งเป็นห้างค้าปลีกใหญ่ที่สุดของสหราชอาณาจักร พุ่งขึ้นเกือบ 6% ในการซื้อขายที่ตลาดหุ้นลอนดอนในวันนี้ หลังมีข่าวว่า ทางบริษัทกำลังพิจารณาขายกิจการในไทยและมาเลเซีย
เทสโก้ออกแถลงการณ์ระบุว่า ทางบริษัทกำลังทบทวนแผนการดำเนินธุรกิจในไทยและมาเลเซีย หลังจากที่ได้รับข้อเสนอซื้อกิจการ ซึ่งการพิจารณาดังกล่าวยังคงอยู่ในช่วงเริ่มต้น แต่บริษัทไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับผู้สนใจเข้าซื้อกิจการ
"ทางบริษัทยังไม่ได้ตัดสินใจเกี่ยวกับอนาคตของเทสโก้ในไทยและมาเลเซีย และยังไม่มีการรับประกันว่าการทำธุรกรรมดังกล่าวจะได้ข้อสรุป" แถลงการณ์ระบุ
นักวิเคราะห์ของเบิร์นสไตน์ประเมินมูลค่าธุรกิจของเทสโก้ในเอเชียสูงถึง 6.5-7.2 พันล้านปอนด์ (8.3-9.2 พันล้านดอลลาร์)
ทั้งนี้ เทสโก้มีสาขาจำนวน 1,967 สาขาในไทย และ 74 สาขาในมาเลเซีย และมีพนักงานราว 60,000 ราย โดยในช่วงเดือนมี.ค.-ส.ค. เทสโก้มียอดขายจากทั้งสองประเทศราว 2.56 พันล้านปอนด์ (3.3 พันล้านดอลลาร์) เพิ่มขึ้น 1% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และมีกำไรจากการดำเนินงาน 171 ล้านปอนด์ เพิ่มขึ้น 42.3%
ก่อนหน้านี้ เทสโก้ได้ขายกิจการในเกาหลีใต้ให้แก่บริษัท MBK Partners เป็นวงเงิน 6.1 พันล้านดอลลาร์ในปี 2558 และขายกิจการในตุรกีในปี 2559 ให้แก่บริษัท Migros ซึ่งเป็นเครือข่ายซูเปอร์มาร์เก็ตที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ
นอกจากนี้ เทสโก้ยังได้ถอนตัวจากการดำเนินธุรกิจในญี่ปุ่น สหรัฐ และจีน และหากเทสโก้ตัดสินใจขายกิจการในไทยและมาเลเซีย ทางบริษัทก็จะเหลือธุรกิจต่างประเทศในยุโรปกลางเท่านั้น ซึ่งได้แก่ สาธารณรัฐเชค ฮังการี โปแลนด์ และสโลวาเกีย ซึ่งต่างก็ประสบภาวะขาดทุน