นายแพทริก สเปนเซอร์ รองประธานของวาณิชธนกิจไบรด์ กล่าวว่า ดัชนีดาวโจนส์มีแนวโน้มพุ่งแตะระดับ 40,000 จุดในปีหน้า
"เราได้พูดคุยกันในบริษัทว่าดาวโจนส์อาจแตะ 40,000 จุดในปีหน้า เนื่องจากดัชนีดาวโจนส์ประกอบด้วยหุ้น value มากกว่าหุ้น growth โดยหุ้น value จะปรับตัวโดดเด่นขึ้น และหุ้น growth จะปรับตัวอย่างมีเสถียรภาพ" นายสเปนเซอร์กล่าวในรายการ Street Signs Europe ของสถานีโทรทัศน์ CNBC
ทั้งนี้ หุ้น value เป็นหุ้นกลุ่มที่มีการซื้อขายต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง และจะปรับตัวตามภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งในระยะนี้ หุ้น value ได้ดีดตัวขึ้น ขานรับความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวขึ้น ส่วนหุ้น growth เป็นหุ้นกลุ่มที่ได้รับการคาดการณ์ว่าจะมีการขยายตัวมากกว่าอัตราเฉลี่ยในตลาด เช่น หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี
นอกจากนี้ นายสเปนเซอร์ยังกล่าวว่า ขณะนี้ยังคงมีเงินจำนวนมากรอเข้าลงทุนในตลาดหุ้น โดยมีเงินทุนมากถึง 6.5 ล้านล้านดอลลาร์พักอยู่ในบัญชีตลาดเงิน โดยส่วนหนึ่งเป็นเงินสด และอีกส่วนหนึ่งเป็นเงินทุนที่ลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น
อย่างไรก็ดี นายสเปนเซอร์ไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับเป้าหมายดัชนี และกำหนดเวลาที่ดาวโจนส์จะแตะระดับ 40,000 จุด
ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดวานนี้ที่ระดับ 29,438.42 จุด และได้พุ่งขึ้นกว่า 4% นับตั้งแต่ต้นปีนี้
หากดัชนีดาวโจนส์พุ่งแตะระดับ 40,000 จุดในปีหน้า ก็จะเป็นการทะยานขึ้น 35% จากระดับปัจจุบัน