สื่อต่างประเทศรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (NYSE) กำลังพิจารณาเรื่องการกลับมาดำเนินการตามแผนเดิมที่จะปลดหุ้น 3 บริษัทสื่อสารรายใหญ่ของจีนออกจากตลาด หลังจากนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ NYSE ที่ตัดสินใจอนุมัติให้บริษัททั้ง 3 แห่งยังคงเทรดหุ้นในตลาดได้ต่อไป
แหล่งข่าวระบุว่า ท่าทีของ NYSE ได้สร้างความสับสนให้กับนักลงทุนในตลาดเป็นอย่างมาก โดยเมื่อวันที่ 31 ธ.ค.ที่ผ่านมา NYSE ได้ประกาศว่าจะถอดหุ้นบริษัทของจีนซึ่งได้แก่ ไชน่าเทเลคอม, ไชน่าโมบายล์ และไชน่ายูนิคอม ตามคำสั่งของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แต่ต่อมาในวันที่ 4 ม.ค. NYSE ได้เปลี่ยนใจยกเลิกแผนการถอดหุ้นของทั้ง 3 บริษัท หลังจากที่ได้มีการประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งสำนักงานควบคุมสินทรัพย์ต่างชาติ จนกระทั่งล่าสุดในช่วงเช้านี้มีรายงานว่า NYSE จะทำการทบทวนการตัดสินใจดังกล่าวอีกครั้ง
รายงานระบุว่า นายมนูชินได้เรียกตัวนายสเตซีย์ คันนิงแฮม ประธานบริษัท NYSE Group เข้าพบ เพื่อแสดงความไม่พอใจที่ NYSE ได้ตัดสินใจอนุญาตให้บริษัทสื่อสารจีนทั้ง 3 แห่งเทรดหุ้นในตลาดต่อไป
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 18 ธ.ค.ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ลงนามบังคับใช้กฎหมาย "The Holding Foreign Companies Accountable Act" ซึ่งเป็นกฎหมายใหม่ที่พุ่งเป้าถอดหุ้นของบริษัทต่างๆ ออกจากตลาดหุ้นสหรัฐ หากไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานการตรวจสอบบัญชี Public Accounting Oversight Board (PCAOB) ของสหรัฐภายในระยะเวลา 3 ปี
ทั้งนี้ แม้กฎหมายดังกล่าวจะออกมาเพื่อบังคับใช้กับบริษัทต่างชาติทั้งหมดที่จดทะเบียนในสหรัฐ แต่ก็ถูกมองว่าเป็นการพุ่งเป้าไปที่บริษัทของจีนโดยเฉพาะ ซึ่งนับเป็นความพยายามอีกครั้งของรัฐบาลปธน.ทรัมป์ที่จะเพิ่มความตึงเครียดกับจีนในสัปดาห์ท้ายๆ ก่อนที่ทรัมป์จะอำลาตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ