นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ กล่าวว่า สภาคองเกรสจะเข้าร่วมการตรวจสอบการทะยานขึ้นของหุ้น GameStop หลังจากที่ได้สร้างความผันผวนในตลาดหุ้นวอลล์สตรีท
ท่าทีของนางเพโลซีสอดรับกับทำเนียบขาว ซึ่งได้ประกาศจับตาภาวะผันผวนในตลาดหุ้นวอลล์สตรีท ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับภาวะฟองสบู่ หลังจากที่ราคาหุ้น GameStop ซึ่งเป็นร้านจำหน่ายวิดีโอเกมชื่อดังในสหรัฐ ได้พุ่งขึ้นถึง 1,700% นับตั้งแต่ต้นเดือนนี้
ทั้งนี้ ทีมเศรษฐกิจของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ซึ่งรวมถึงนางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ซึ่งได้เข้ารับตำแหน่งเป็นวันแรกเมื่อวันพุธ ระบุว่า รัฐบาลกำลังจับตาสถานการณ์ดังกล่าว
นายวิลเลียม กาลวิน เลขาธิการรัฐแมสซาชูเซทส์ เรียกร้องให้ตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (NYSE) สั่งระงับการซื้อขายหุ้น GameStop เป็นเวลา 30 วัน เพื่อลดความผันผวนในตลาด
อย่างไรก็ดี ราคาหุ้น GameStop ทรุดตัวลงกว่า 60% ในการซื้อขายที่ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทวันนี้ หลังจากที่ดีดตัวขึ้นในช่วงแรก
หุ้น GameStop ร่วงลง หลังจากมีข่าวว่า Robinhood ซึ่งเป็นแอปพลิเคชั่นที่นักลงทุนสามารถซื้อขายหุ้นได้ฟรีผ่านระบบออนไลน์ ได้ออกกฎจำกัดการซื้อขายหุ้น GameStop โดยกำหนดค่ามาร์จิ้นที่สูงขึ้น และอนุญาตให้นักลงทุนสามารถขายหุ้นที่ถือครองอยู่ แต่จะไม่สามารถซื้อหุ้นใหม่ได้ โดย Robinhood ระบุว่ามาตรการดังกล่าวมีขึ้นเพื่อสกัดความผันผวนของราคาหุ้นในตลาด
ราคาหุ้น GameStop มีการซื้อขายที่ระดับ 2.80 ดอลลาร์/หุ้นในเดือนเม.ย.ปีที่แล้ว ซึ่งในขณะนั้น บริษัทประกาศว่าจะปิดสาขามากกว่า 300 สาขา ท่ามกลางปัญหาหนี้สินจำนวนมากที่บริษัทเผชิญอยู่ แต่ ณ ขณะปิดตลาดวานนี้ ราคาหุ้นพุ่งขึ้นแตะ 347.51 ดอลลาร์/หุ้น
ปรากฎการณ์ของหุ้น GameStop ถือเป็น talk of the town โดยหุ้นดังกล่าวได้พุ่งขึ้นกว่า 130% ในการซื้อขายวานนี้ และมากกว่า 400% ในสัปดาห์นี้ และถูกมองกันว่าเป็นการรวมตัวกันของนักลงทุนรายย่อยของสหรัฐเพื่อสั่งสอนกองทุนเฮดจ์ฟันด์รายใหญ่ที่มักเก็งกำไรด้วยการเทขายหุ้นในตลาด
ทั้งนี้ กลุ่มนักลงทุนใน WallStreetBets ซึ่งเป็นบอร์ดย่อยใน Reddit ซึ่งเป็นเว็บบอร์ดที่มีสมาชิกกว่า 4 ล้านราย และเป็นแหล่งที่นักลงทุนรายย่อยมักเข้าสนทนาเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลการซื้อขายหุ้นในตลาด ได้เล็งเป้าหมายที่จะผลักดันราคาหุ้น GameStop ให้สูงขึ้นเพื่อกดดันให้เฮดจ์ฟันด์ต้องกลับเข้าซื้อคืนหุ้นดังกล่าวเพื่อตัดขาดทุน หลังจากที่ได้ทำชอร์ตเซลก่อนหน้านี้ เนื่องจากคาดการณ์ว่า GameStop จะต้องปิดกิจการในไม่ช้า
การกระทำดังกล่าวของนักลงทุนรายย่อยทำให้กองทุนเฮดจ์ฟันด์ประสบภาวะขาดทุนจำนวนมาก
อย่างไรก็ดี การทะยานขึ้นอย่างผิดปกติของราคาหุ้น GameStop ได้สร้างความวิตกเกี่ยวกับภาวะฟองสบู่ในตลาดหุ้นวอลล์สตรีท
ดัชนีความผันผวน CBOE หรือ CBOE Volatility Index (VIX) ซึ่งเป็นมาตรวัดความวิตกของนักลงทุนในตลาด พุ่งขึ้น 62% เมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นการทะยานขึ้นมากที่สุดในรอบ 2 ปี สู่ระดับ 37.32 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2563
ดัชนี VIX เคยพุ่งขึ้นสูงถึง 82.69 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ในช่วงที่นักลงทุนแห่เทขายหุ้น ท่ามกลางการแพร่ระบาดอย่างหนักของไวรัสโควิด-19 ในปีที่แล้ว