ราคาหุ้น GameStop ซึ่งเป็นร้านจำหน่ายวิดีโอเกมชื่อดังในสหรัฐ ร่วงลงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดดิ่งลงถึง 60% สู่ระดับ 89 ดอลลาร์ในวันนี้ หลังจากปิดตลาดร่วงลง 30% เมื่อคืนนี้ ส่งผลให้ขณะนี้ราคาหุ้น GameStop ทรุดตัวลงมากกว่า 70% นับตั้งแต่วันศุกร์ที่แล้ว
การดิ่งลงของราคาหุ้น GameStop เกิดจากการที่กลุ่มนักลงทุนรายย่อยในตลาดหุ้นวอลล์สตรีทได้หันเป้าหมายไปสู่โลหะเงินเพื่อดันราคาขึ้น หลังจากที่ได้ใช้กลยุทธ์ในลักษณะเดียวกันนี้กับหุ้น GameStop เพื่อสั่งสอนกองทุนเฮดจ์ฟันด์รายใหญ่ที่มักเก็งกำไรด้วยการขายชอร์ตในตลาด
การที่นักลงทุนรายย่อยแห่ซื้อโลหะเงิน ส่งผลให้ราคาสัญญาโลหะเงินพุ่งขึ้นเหนือระดับ 30 ดอลลาร์วานนี้ แตะระดับสูงสุดในรอบ 8 ปี
อย่างไรก็ดี ราคาโลหะเงินดิ่งลงกว่า 7% ในวันนี้ หลังจาก Chicago Mercantile Exchange (CME) ซึ่งเป็นตลาดซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์และสัญญาฟิวเจอร์ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ประกาศขึ้นอัตรา maintenance margin เพื่อสกัดการปั่นราคาของกลุ่มนักลงทุนรายย่อยในตลาด
ทั้งนี้ ราคาหุ้น GameStop พุ่งขึ้น 400% ในสัปดาห์ที่แล้ว และทะยานขึ้น 1,625% ในเดือนม.ค. จากการที่นักลงทุนรายย่อยในห้อง WallStreetBets ซึ่งมีสมาชิกกว่า 7.6 ล้านรายบนเว็บบอร์ด Reddit ได้เล็งเป้าหมายที่จะผลักดันราคาหุ้น GameStop ให้สูงขึ้นเพื่อกดดันให้เฮดจ์ฟันด์ต้องกลับเข้าซื้อคืนหุ้นดังกล่าวเพื่อตัดขาดทุน หลังจากที่ได้ขายชอร์ตก่อนหน้านี้ โดยเก็งว่า GameStop จะต้องปิดกิจการในไม่ช้า
การพุ่งขึ้นของราคาหุ้น GameStop ส่งผลให้เฮดจ์ฟันด์ประสบภาวะขาดทุนอย่างหนัก โดยคาดว่าสูงถึง 19,000 ล้านดอลลาร์ หรือราว 570,000 ล้านบาท
หากหุ้น GameStop ยังคงพุ่งขึ้นต่อไป ก็จะทำให้เฮดจ์ฟันด์พากันเทขายหุ้นอื่นในตลาดเพื่อระดมเงินมาชดเชยผลขาดทุนจากการเก็งกำไรใน GameStop
นอกจากนี้ ยังมีความกังวลกันว่า ปรากฎการณ์ GameStop เป็นการส่งสัญญาณถึงการเกิดภาวะฟองสบู่ในตลาด ซึ่งหากฟองสบู่แตก ก็จะสร้างความตื่นตระหนก และกระทบนักลงทุนรายย่อยอย่างหนัก
ความผันผวนที่เกิดขึ้นในตลาดเนื่องจากการทะยานขึ้นของหุ้น GameStop ได้ทำให้คณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐประกาศจัดการไต่สวนในวันที่ 18 ก.พ. นอกจากนี้ ทีมเศรษฐกิจของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ซึ่งรวมถึงนางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ก็กำลังจับตาความผันผวนในตลาดหุ้นสหรัฐอย่างใกล้ชิด