ราคาหุ้นเทสลา และ ARK Innovation ETF ซึ่งเป็นกองทุนของบริษัท Ark Investment Management ร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ตามราคาบิตคอยน์ที่ดิ่งลงเกือบหลุดระดับ 46,000 ดอลลาร์ หลังจากนางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐได้ออกมาเตือนนักลงทุนเกี่ยวกับความเสี่ยงในการถือครองบิตคอยน์
ทั้งนี้ ราคาหุ้นเทสลาปิดตลาดร่วงลง 2.19% ขณะที่ราคาหุ้น ARK Innovation ETF ดิ่งลง 3.3% โดยกองทุน ARK Innovation ETF ลงทุนในหุ้นเทสลามากที่สุดเมื่อเทียบกับหุ้นของบริษัทอื่นๆ ในตลาดวอลล์สตรีท โดยลงทุนในหุ้นเทสลาประมาณ 10% ของพอร์ตการลงทุน
นักลงทุนมองว่า การร่วงลงของราคาบิทคอยน์อาจสร้างความเสียหายให้กับบริษัทเทสลาของนายอีลอน มัสก์ เนื่องจากเทสลาเพิ่งประกาศลงทุนในบิตคอยน์เป็นมูลค่า 1,500 ล้านดอลลาร์ และยังมีแผนที่จะรับบิตคอยน์จากลูกค้าสำหรับการซื้อรถยนต์และผลิตภัณฑ์ของเทสลาด้วย
ในสัปดาห์นี้ ราคาหุ้น ARK Innovation ETF ร่วงลงไปแล้วประมาณ 9% เนื่องจากราคาบิตคอยน์ผันผวนอย่างหนักและฉุดราคาหุ้นเทสลาร่วงลงเกือบ 11% ในเวลาเดียวกัน โดยในช่วง 2 วันที่ผ่านมา ราคาบิตคอยน์ร่วงลงรุนแรงถึง 17%
สำหรับกองทุน ARK Innovation ETF นั้น บริหารงานโดยนางเคธี วูด ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Ark Investment Management ซึ่งการร่วงลงอย่างหนักของราคาหุ้น ARK Innovation ETF ทำให้นักวิเคราะห์บางกลุ่มในตลาดวอลล์สตรีทเรียกสถานการณ์เช่นนี้ว่า "Cathie Wood sell-off"
เมื่อไม่นานมานี้ กองทุน ETF ของเคธี วูด ซึ่งรวมถึง ARK Innovation ETF และ Next Generation Internet ETF ได้มุ่งเน้นการลงทุนในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น บล็อกเชน, ธุรกิจเกี่ยวกับกัญชา และธุรกิจพลังงานหมุนเวียน แต่หุ้นเหล่านี้ก็ร่วงลงอย่างหนักในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งสร้างความกังวลให้กับนักลงทุน
นอกเหนือจากการร่วงลงของบิตคอยน์แล้ว การที่นักลงทุนกระหน่ำขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่องในตลาดสหรัฐ ยังสร้างแรงกดดันต่อราคาหุ้น ARK Innovation ETF โดยเมื่อคืนนี้ หุ้นบริษัทที่กองทุน ARK Innovation ETF ลงทุนไว้นั้น ต่างดิ่งลงถ้วนหน้า ซึ่งรวมถึงหุ้นPalantir, Roku, Square, Paypal, Teladoc, Baidu, Zillow และ Shopify
อย่างไรก็ดี คาดว่าราคาหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีซึ่งมีความอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ยจะฟื้นตัวขึ้นได้ โดยได้แรงหนุนจากการที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณล่าสุดเมื่อคืนนี้ว่า เฟดจะยังคงใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงิน เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐยังคงอยู่ห่างไกลจากเป้าหมายด้านเงินเฟ้อและการจ้างงานของเฟด และมีแนวโน้มว่ายังคงต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งก่อนที่จะมีความคืบหน้ามากขึ้น
นอกจากนี้ ประธานเฟดระบุว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อภาวะเงินเฟ้อ แต่ก็ไม่ได้สร้างความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจสหรัฐ โดยจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ลดต่ำลง และความคืบหน้าในการฉีดวัคซีนในวงกว้าง ได้สร้างความหวังเกี่ยวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ