ราคาหุ้นไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป ร่วงลงกว่า 14% ในการซื้อขายที่ตลาดหุ้นฮ่องกงเช้านี้ หลังจากเอเวอร์แกรนด์ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงการขายหุ้นในธุรกิจบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ให้กับบริษัทฮอปสัน ดีเวลลอปเมนท์ (Hopson Development)
ทั้งนี้ เอเวอร์แกรนด์ได้ระงับแผนการขายหุ้นของบริษัทเอเวอร์แกรนด์ พร็อพเพอร์ตี้ เซอร์วิส กรุ๊ปซึ่งเป็นธุรกิจในเครือ มูลค่า 2.6 พันล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็น 50.1% ให้กับฮอปสัน ดีเวลลอปเมนท์ ซึ่งเป็นคู่แข่งรายเล็ก เนื่องจากฮอปสันไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขในการเสนอซื้อหุ้นของบริษัท
ทางด้านฮอปสันได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว พร้อมระบุว่าบริษัทจะหาทางปกป้องผลประโยชน์ของบริษัท
ปัจจุบัน เอเวอร์แกรนด์มีหนี้สินกว่า 3 แสนล้านดอลลาร์ โดยสถานะทางการเงินของเอเวอร์แกรนด์เริ่มสั่นคลอน หลังจากที่รัฐบาลจีนได้ออกมาตรการควบคุมภาวะร้อนแรงของภาคอสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งสกัดการก่อหนี้ของบริษัทขนาดใหญ่ในภาคดังกล่าว โดยภาคอสังหาริมทรัพย์ถือเป็นเสาหลักสำคัญในการขยายตัวของจีน และมีสัดส่วนผลผลิตทางเศรษฐกิจสูงเกือบ 30%
เมื่อวันที่ 16 ต.ค. ที่ผ่านมา Yuexiu Property ซึ่งเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาลจีนได้ถอนตัวออกจากข้อตกลงมูลค่า 1.7 พันล้านดอลลาร์ที่จะซื้ออาคารสำนักงานใหญ่ของบริษัทไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ปในฮ่องกง เนื่องจากวิตกเกี่ยวกับสถานการณ์การเงินที่ย่ำแย่ของเอเวอร์แกรนด์
ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา เอเวอร์แกรนด์ได้พยายามที่จะระดมทุนด้วยการขายสินทรัพย์ต่าง ๆ ซึ่งได้แก่ อสังหาริมทรัพย์และหุ้นของบริษัทในเครือทั้งในจีนและในฮ่องกง