ตลาดหุ้นอังกฤษปรับตัวลงในวันนี้ ขณะที่ปอนด์แข็งค่าขึ้น หลังการเปิดเผยเงินเฟ้อพุ่งสูงสุดในรอบ 10 ปี ซึ่งจะส่งผลให้ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค.
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ร่วงลง 0.3% ส่วนปอนด์ดีดตัวแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์เทียบดอลลาร์ และสูงสุดในรอบ 21 เดือนเทียบยูโร
สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษ (ONS) เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค พุ่งขึ้น 4.2% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 10 ปี และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 3.9% หลังจากดีดตัวขึ้น 3.1% ในเดือนก.ย.
ดัชนี CPI ดังกล่าวสูงกว่าเป้าหมายเงินเฟ้อ 2% ที่ BoE กำหนดไว้กว่า 2 เท่า
นักลงทุนคาดการณ์ว่า BoE จะเป็นธนาคารกลางแห่งแรกในกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ที่สุดของโลกที่จะทำการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในปีที่แล้ว และธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะอยู่ในกลุ่มธนาคารกลางขนาดใหญ่ที่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยช้าที่สุด
ตลาดการเงินคาดการณ์ว่า ขณะนี้มีแนวโน้มเกือบ 100% ที่ BoE จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.15% สู่ระดับ 0.25% ในการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 16 ธ.ค. หลังจากที่ BoE สร้างความประหลาดใจต่อตลาดด้วยการประกาศคงอัตราดอกเบี้ยในเดือนพ.ย.ที่ระดับ 0.1% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์
ก่อนหน้านี้ นายแอนดรูว์ เบลีย์ ผู้ว่าการ BoE ส่งสัญญาณบ่งชี้ว่า BoE มีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อรับมือกับเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้น
นายเบลีย์กล่าวว่า BoE จำเป็นต้องดำเนินการเพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อ แม้เขาเชื่อว่าการดีดตัวขึ้นของเงินเฟ้อในระยะนี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเพียงชั่วคราว
นายเบลีย์คาดการณ์ว่าการพุ่งขึ้นของราคาพลังงานจะเป็นปัจจัยผลักดันให้เงินเฟ้อดีดตัวขึ้นต่อไป ซึ่งทำให้เกิดความเสี่ยงต่อคาดการณ์เงินเฟ้อที่สูงขึ้น