เอกสารที่ยื่นต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC) ระบุว่า นายอีลอน มัสก์ ซีอีโอของบริษัทเทสลา อิงค์ ได้เทขายหุ้นเทสลาอีก 934,000 หุ้นในวันอังคาร (23 พ.ย.) คิดเป็นมูลค่าราว 1.05 พันล้านดอลลาร์
รายงานระบุว่า นายมัสก์ได้ขายหุ้นเทสลาแล้วจำนวน 9.2 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่า 9.85 พันล้านดอลลาร์นับตั้งแต่วันที่ 8 พ.ย. ซึ่งเกิดขึ้นเพียงวันเดียว หลังจากที่เขาได้ตั้งโพลสอบถามความคิดเห็นกับผู้ติดตามเขาในทวิตเตอร์ว่า เขาควรขายหุ้น 10% ในเทสลาเพื่อนำเงินไปจ่ายภาษีหรือไม่ ซึ่งผลโหวตกว่า 3.5 ล้านเสียง หรือคิดเป็น 57.9% แนะนำให้เขาขายหุ้นเทสลาจำนวนดังกล่าว
เว็บไซต์มาร์เกตวอชรายงานว่า ราคาหุ้นเทสลาร่วงลงราว 9% นับตั้งแต่ที่เขาตั้งโพลบนทวิตเตอร์เมื่อวันที่ 8 พ.ย. อย่างไรก็ดี หากนับตั้งแต่ต้นปี 2564 ราคาหุ้นเทสลาพุ่งขึ้น 57% และทะยานขึ้นราว 100% ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา
ส่วนเมื่อวานนี้ บริษัทเทสลาได้ว่าจ้างนายเดวิด มิสเลอร์ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาคนใหม่ด้านการบริหารจัดการ โดยนายมิสเลอร์เป็นอดีตนักกฎหมายของ SEC และเป็นอดีตเจ้าหน้าที่ของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐ
ที่ผ่านมานั้น เทสลามีคดีความกับ SEC ครั้งแล้วครั้งเล่า โดยส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการที่นายมัสก์ได้แสดงความเห็นบนทวิตเตอร์ซึ่งมีผู้ติดตามเขาเป็นจำนวนหลายสิบล้านราย
ในปี 2562 ทาง SEC ได้ยื่นฟ้องนายมัสก์และเทสลาฐานกระทำความผิดตามกฎหมายหลักทรัพย์ หลังจากที่นายมัสก์ได้ทวีตข้อความว่าเขากำลังพิจารณานำเทสลาออกจากการเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นที่ระดับราคา 420 ดอลลาร์ และในเวลาต่อมาบริษัทเทสลาและนายมัสก์ได้ยุติคดีความกับ SEC ด้วยการจ่ายค่าปรับเป็นเงิน 20 ล้านดอลลาร์ และลงนามในข้อตกลงที่กำหนดว่า นายมัสก์จะต้องยุติบทบาทประธานคณะกรรมการบริหารของเทสลาเป็นการชั่วคราว และข้อความบนทวิตเตอร์ของเขาจะต้องได้รับการตรวจสอบจากอัยการก่อนที่จะโพสต์สู่สาธารณะ