นักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์เปิดเผยว่า สัญญาณที่บ่งชี้ว่า เงินเฟ้อของสหรัฐเริ่มชะลอตัวลงจากระดับสูงสุดในรอบ 40 ปีนั้น อาจเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้น
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า ตลาดหุ้นสหรัฐทะยานขึ้นในวันศุกร์ (27 พ.ค.) หลังรัฐบาลสหรัฐรายงานข้อมูลเศรษฐกิจบ่งชี้ว่า อัตราเงินเฟ้อชะลอตัวลงเล็กน้อยในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นผลส่วนใหญ่มาจากราคาน้ำมันที่ลดลง
นักวิเคราะห์ระบุว่า จากหลักฐานที่ผ่านมาบ่งชี้ว่า ตลาดหุ้นมักจะขานรับในทางบวก เมื่อเงินเฟ้อส่งสัญญาณแตะระดับสูงสุดแล้ว
"ตลาดมักร่วงลงขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปกำลังจะปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุด เช่นเดียวกับที่เราได้เห็นในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา" ทีมนักวิเคราะห์ที่นำโดยชารอน เบลล์ระบุ "แต่หลังจากที่เงินเฟ้อแตะจุดสูงสุดแล้ว ตลาดก็จะฟื้นตัว"
ในวิกฤตเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้น 13 ครั้งนับตั้งแต่ปี 2494 นั้น ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวขึ้นในช่วง 12 เดือนต่อมาถึง 9 ครั้ง โดยตลาดหุ้นพุ่งขึ้นมากที่สุดถึง 33.2% นับตั้งแต่เงินเฟ้อสหรัฐพุ่งแตะระดับสูงสุดในเดือนมี.ค. 2523 และตลาดหุ้นสหรัฐทรุดหนักสุด 17.3% นับตั้งแต่เงินเฟ้อแตะระดับสูงสุดในเดือนม.ค. 2544 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ตลาดหุ้นปรับตัวซบเซาหลังจากภาวะฟองสบู่ดอทคอมแตก
"ในความเป็นจริง อัตราเงินเฟ้อที่แตะระดับสูงสุดแล้วอาจจะช่วยหนุนตลาดขึ้น แต่ราคาหุ้นก็จำเป็นต้องมีปัจจัยอื่น ๆ มาสนับสนุนด้วยโดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับภาวะชะลอตัวที่รุนแรงขึ้น" ทีมนักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์ระบุ
ทั้งนี้ องค์ประกอบสำคัญที่จำเป็นต่อการสนับสนุนตลาดหุ้นนั้นรวมถึง ภาวะเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง, ราคาหุ้นที่อยู่ในระดับต่ำ และอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง ซึ่งปัจจัยทั้งหมดดังกล่าวล้วนแต่เป็นสิ่งที่ท้าทายในสภาวะปัจจุบัน เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐหดตัวลง 1.5% เมื่อเทียบรายปีในไตรมาสแรก, มูลค่าตลาดหุ้นสหรัฐยังคงอยู่สูงกว่าค่าเฉลี่ย 10 ปี และอัตราดอกเบี้ยในสหรัฐก็ยังอยู่ในช่วงขาขึ้น