ผู้บริหารระดับสูงของบริษัททวิตเตอร์เปิดเผยในวันพุธ (8 มิ.ย.) ว่า ทวิตเตอร์วางแผนจัดประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อลงมติภายในต้นเดือนส.ค.นี้ เกี่ยวกับการขายกิจการทวิตเตอร์ให้กับนายอีลอน มัสก์ ในวงเงิน 4.4 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่บริษัทยังคงดำเนินการอย่างสร้างสรรค์เพื่อบรรลุข้อตกลงขายกิจการ
เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (6 มิ.ย.) นายมัสก์ขู่ว่า เขาอาจจะถอนตัวจากข้อตกลงซื้อกิจการทวิตเตอร์ หากทวิตเตอร์ไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับบัญชีสแปมและบัญชีปลอม
ทนายความของนายมัสก์ส่งจดหมายเตือนโดยตรงไปถึงนายวิจายา เกดด์ หัวหน้าฝ่ายกฎหมายของทวิตเตอร์ โดยเนื้อหาในจดหมายระบุว่า นายมัสก์ได้ย้ำคำร้องขอให้ทวิตเตอร์ส่งข้อมูลเกี่ยวกับบัญชีปลอม และระบุว่าเขามีสิทธิอันชอบธรรมทุกประการที่จะระงับการซื้อกิจการ เนื่องจากทวิตเตอร์ละเมิดข้อตกลงที่ระบุไว้ในพันธกรณีอย่างชัดเจนด้วยการไม่ยอมส่งข้อมูลเหล่านั้นให้กับเขา
ด้านทวิตเตอร์ระบุว่า ทางบริษัทยังคงแบ่งปันข้อมูลให้กับนายมัสก์ โดยส่วนหนึ่งของข้อมูลเหล่านั้นคือ "Firehose" ซึ่งเป็นระบบที่ประกอบด้วยข้อความทวีตทั้งหมดบนแพลตฟอร์มที่ผ่านการวิเคราะห์ด้วยมาตรวัดต่าง ๆ เช่น อุปกรณ์ของผู้ใช้งาน หรือโปรไฟล์ของบัญชีที่ทวีตข้อความต่อสาธารณะ
ทวิตเตอร์ได้ขายข้อมูลเหล่านี้ให้กับบรรดาบริษัทโซเชียลมีเดีย มอนิเตอริง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจการออกใบอนุญาต แต่ทวิตเตอร์มีแผนที่จะส่งมอบข้อมูลดังกล่าวให้กับนายมัสก์โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ตามข้อตกลงการแลกเปลี่ยนข้อมูล อย่างไรก็ดี Firehose ไม่ได้บรรจุข้อมูลที่เป็นความลับ เช่นข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งานทวิตเตอร์ที่ไม่เปิดเผยแพร่ต่อสาธารณะ
ทั้งนี้ นายมัสก์ได้ประกาศในช่วงที่เขาตัดสินใจเสนอซื้อกิจการทวิตเตอร์ว่า ภารกิจแรกของเขาคือการกวาดล้าง "spam bots" ออกจากทวิตเตอร์
ทวิตเตอร์ประเมินว่า บัญชีปลอม หรือบัญชีที่เป็น bots มีสัดส่วนไม่ถึง 5% ของบัญชีทั้งหมด ขณะที่นายมัสก์ต้องการให้ทวิตเตอร์ยืนยันข้อมูลดังกล่าวก่อนที่เขาจะเดินหน้าเจรจาข้อตกลงซื้อกิจการต่อไป