ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันร่วงลงอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดดิ่งลงอีก 1.1% ในช่วงเช้าวันนี้ ส่งผลให้ดัชนีร่วงลงไปแล้วกว่า 20% จากระดับสูงสุดที่ทำไว้ในเดือนม.ค.ปีนี้ และมีความเสี่ยงที่จะเข้าสู่ภาวะตลาดหมี (Bear Market) ในไม่ช้านี้
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ตลาดหุ้นไต้หวันปรับตัวลงในวันนี้ เนื่องจากหุ้นบริษัทไต้หวัน เซมิคอนดักเตอร์ เมนูแฟคเจอริง ซึ่งมีน้ำหนักมากกว่า 25% ในดัชนี TAIEX นั้น ร่วงลงรุนแรงถึง 2.1%
ตลาดหุ้นไต้หวันและเกาหลีใต้ซึ่งมีบริษัทเทคโนโลยีเข้าจดทะเบียนเป็นจำนวนมากนั้น ทำผลงานย่ำแย่ที่สุดในเอเชียในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา โดยตลาดทั้งสองแห่งร่วงลงกว่า 15% อันเนื่องมาจากความกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางทั่วโลก โดยในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติเทขายสุทธิในตลาดหุ้นไต้หวันเป็นมูลค่ามากกว่า 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในบรรดาตลาดเกิดใหม่ในเอเชียที่ไม่นับรวมจีน
นายหลี ฟาง-กัว ประธานบริษัทเพรสซิเดนท์ แคปิตัล เมเนจเมนท์กล่าวว่า "ตลาดหุ้นไต้หวันร่วงลง เนื่องจากถูกปัจจัยลบรุมเร้า ซึ่งรวมถึงความกังวลเกี่ยวกับปัญหาเงินเฟ้อทั่วโลก, ความวิตกเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจและการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลาง ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้นในตลาดเกิดใหม่และหันไปลงทุนในตลาดสหรัฐ เราคาดว่าช่วงขาลงของตลาดหุ้นไต้หวันจะเกิดขึ้นต่อไป ดังนั้นนักลงทุนควรหลีกเลี่ยงที่จะเข้าไปช้อนซื้อหุ้นที่ตกลงมา"
ตลาดหุ้นไต้หวันแถลงเมื่อวานนี้ (30 มิ.ย.) ว่า ทางตลาดจะออกมาตรการสร้างเสถียรภาพหากพิจารณาแล้วเห็นว่าจำเป็น เพื่อป้องกันการทรุดตัวของตลาด ขณะที่รัฐมนตรีคลังไต้หวันและกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินแห่งชาติของไต้หวันประกาศจะจับตาความเคลื่อนไหวในตลาดอย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินว่าควรใช้มาตรการที่จำเป็นหรือไม่