เจพีมอร์แกนเปิดเผยผลสำรวจความเห็นลูกค้าล่าสุด ซึ่งรวมถึงลูกค้าในกลุ่มนักลงทุนสถาบันรายใหญ่ที่สุดของโลก และนักลงทุนรายย่อยที่ร่ำรวยที่สุด โดยผลสำรวจบ่งชี้ว่า ลูกค้าเหล่านี้กำลังวางแผนที่จะปรับลดการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐ หลังจากที่ตลาดทะยานขึ้นในช่วงฤดูร้อน (มิ.ย.-ส.ค.)
ผลการสำรวจระบุว่า มีลูกค้าของเจพีมอร์แกนเพียง 38% เท่านั้นที่วางแผนจะเพิ่มการลงทุนในตลาดหุ้น ซึ่งลดลงอย่างมากจากการสำรวจเมื่อ 1 เดือนที่แล้วซึ่งพบว่ามีลูกค้ามากกว่า 70% ที่ระบุว่าพวกเขาวางแผนจะเพิ่มเงินลงทุนในตลาดหุ้น
ผลสำรวจดังกล่าวมีขึ้นในช่วงเวลาที่นักลงทุนกำลังรอฟังความเห็นของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งมีกำหนดกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิงในวันพรุ่งนี้ (26 ส.ค.) เวลา 10.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือ 21.00 น.ตามเวลาไทย
ข้อมูล FedWatch Tool ของ CME ระบุว่า ในสัปดาห์ที่ผ่านมา นักลงทุนปรับเพิ่มคาดการณ์แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของเฟด โดยคาดว่าเฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.75% ในการประชุมวันที่ 20-21 ก.ย.นี้ ซึ่งเกิดขึ้นภายในสัปดาห์เดียวหลังจากที่คาดว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.50% ในการประชุมวันดังกล่าว
ผลสำรวจยังบ่งชี้ว่า ลูกค้าของเจพีมอร์แกนโดยเฉลี่ยระบุว่า การลงทุนหุ้นในปัจจุบันของพวกเขานั้นอยู่ที่ราว 44% ของระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งบ่งชี้ว่าบริษัทฝั่งซื้อยังคงมีโอกาสสูงที่จะลงทุนเพิ่มในตลาดหุ้น
ผลสำรวจยังรวมถึงคำถามเกี่ยวกับการคาดการณ์ผลการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐ ซึ่งจะเป็นตัวตัดสินว่าพรรคเดโมแครตหรือพรรครีพับลิกัน จะได้ครองอำนาจในสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา
นอกจากนี้ ผลการสำรวจระบุว่า ลูกค้าของเจพีมอร์แกนประมาณ 38% คาดการณ์ว่า พรรครีพับลิกันอาจจะผงาดขึ้นมาครองทั้งสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา ขณะที่มีลูกค้าเพียง 13% เท่านั้นที่คาดว่า พรรคเดโมแครตจะยังคงครองอำนาจในสองสภา
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐดีดตัวขึ้นในสัปดาห์นี้ โดยล่าสุดในวันพุธ (24 ส.ค.) ดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวขึ้น 59.64 จุด หรือ + 0.18%, ดัชนี S&P500 ปรับตัวขึ้น 12.04 จุด หรือ +0.29% และดัชนี Nasdaq ฟื้นตัวขึ้น 50.23 จุด หรือ +0.41%