ถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในเวลาเพียงแค่ 8 นาที ทุบตลาดหุ้นสหรัฐดิ่งลงอย่างหนักในวันศุกร์ (26 ส.ค.) และส่งผลให้เศรษฐีอเมริกันที่ร่ำรวยที่สุดสูญเงินไปถึง 7.8 หมื่นล้านดอลลาร์
ข้อมูลจาก Bloomberg Billionaires Index บ่งชี้ว่า ความมั่งคั่งของนายเจฟฟ์ เบซอส ประธานบริหารและผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของบริษัทแอมะซอน.คอม หายไปมากที่สุดถึง 6.8 พันล้านดอลลาร์ และความมั่งคั่งของนายอีลอน มัสก์ ซีอีโอของบริษัทเทสลา หายไป 5.5 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่ความมั่งคั่งของนายบิล เกตส์และนายวอร์เรน บัฟเฟตต์ ลดลง 2.2 พันล้านดอลลาร์และ 2.7 พันล้านดอลลาร์ตามลำดับ ส่วนความมั่งคั่งของนายเซอร์เกย์ บริน ผู้ถือหุ้นใหญ่ของอัลฟาเบทร่วงลงต่ำกว่าระดับ 1 แสนล้านดอลลาร์
นายพาวเวลกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมนโยบายประจำปีของเฟดสาขาแคนซัสซิตี้ในเมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิ่งในวันศุกร์ (26 ส.ค.) โดยย้ำว่า เฟดจะยังคงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปเพื่อลดเงินเฟ้อ
ดัชนี S&P500 ทรุดตัวลง 3.4% โดยร่วงลงรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่กลางเดือนมิ.ย. ขณะที่ดัชนี Nasdaq ดิ่งลงมากกว่า 4% หลังจากหุ้นไมโครซอฟท์, แอมะซอน.คอม, เทสลา และอัลฟาเบท ร่วงลงตามกัน
นายพาวเวลกล่าวว่า ภารกิจของเฟดในการต่อสู้กับเงินเฟ้อยังไม่เสร็จสิ้น โดยเฟดจะยังคุมเข้มนโยบายการเงินต่อไป ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจและตลาดแรงงานของสหรัฐ
"เราจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป จนกว่าจะมั่นใจว่าภารกิจของเราจะประสบความสำเร็จ โดยภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจอาจได้รับผลกระทบจากการที่เฟดยังคงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่ความล้มเหลวในการรักษาเสถียรภาพของราคาจะทำให้เกิดผลกระทบมากกว่า" นายพาวเวลกล่าว
นอกจากนี้ นายพาวเวลระบุว่า เฟดยังคงจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป และเฟดจะไม่ตัดทางเลือกในการ "ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่มากกว่าปกติ" ในเดือนก.ย.