นายเจเรมี แกรนแธม นักลงทุนชื่อดังและเป็นผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทจีเอ็มโอ (GMO) ซึ่งเป็นบริษัทบริหารสินทรัพย์ในเมืองบอสตันเปิดเผยว่า ยังไม่เกิดภาวะฟองสบู่ยักษ์ (Super Bubble) แตก แม้ว่าตลาดหุ้นสหรัฐเผชิญกับความผันผวนอย่างมากในปีนี้ก็ตาม
นายแกรนแธมวัย 83 ปีซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะผู้เชี่ยวชาญที่ออกมาเตือนเรื่องภาวะฟองสบู่ยักษ์ในตลาดหุ้นนั้นได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวในวันพุธ (31 ส.ค.) ว่า การพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐในช่วงกลางเดือนมิ.ย.จนถึงกลางเดือนส.ค.นั้น สอดคล้องกับรูปแบบการฟื้นตัวของตลาดในภาวะหมีโดยทั่วไป หลังจากที่มีการทรุดตัวลงอย่างรวดเร็วในช่วงแรก และก่อนที่เศรษฐกิจจะเริ่มเข้าสู่ภาวะถดถอยอย่างแท้จริง
นายแกรนแธมคาดว่า ตลาดจะเผชิญกับปัญหามากขึ้นในวันข้างหน้า เนื่องจากมีสัญญาณอันตรายจากหุ้น พันธบัตร และที่อยู่อาศัยที่มีราคาสูงเกินมูลค่า ประกอบกับผลกระทบจากตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ และการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเชิงรุก
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า นายแกรนแธมคาดการณ์เมื่อช่วงต้นปีนี้ว่า ตลาดหุ้นสหรัฐจะร่วงลงเกือบ 50% ซึ่งจะเป็นการทรุดตัวลงครั้งประวัติศาสตร์ จนกระทั่งในเดือนมิ.ย.ปีนี้ ดัชนี S&P500 ร่วงลงเกือบ 25% จากระดับสูงสุดที่ทำไว้ในเดือนม.ค. ก่อนดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งในช่วง 2 เดือนหลังจากนั้น อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นสหรัฐก็ยังร่วงลงอีก โดยดัชนีหลักทั้ง 3 ตัวทำสถิติร่วงลงติดต่อกันเป็นวันที่ 4 แล้วในวันพุธนี้ (31 ส.ค.)
"เรากำลังเผชิญกับภาวะตลาดหมี แม้ตลาดเคลื่อนไหวในแดนบวกก่อนหน้านี้ โดยนักลงทุนจำนวนหนึ่งหลงเข้าใจผิดคิดว่า ตลาดกำลังเข้าสู่ภาวะตลาดกระทิง ซึ่งจริง ๆ แล้ว ไม่ใช่เลย" นายแกรนแธมกล่าว
ในมุมมองของนายแกรนแธมนั้น ภาวะฟองสบู่ยักษ์แตกในตลาดหุ้นจะเกิดขึ้นในหลายขั้นตอนด้วยกัน โดยในขั้นตอนแรก ตลาดจะร่วงลงอย่างหนักเหมือนที่เคยเกิดขึ้นในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ จากนั้นตลาดจะดีดตัวขึ้น แต่ในท้ายที่สุด ปัจจัยพื้นฐานจะพังทลาย และตลาดจะดิ่งลงจนแตะจุดต่ำสุด