มอร์แกน สแตนลีย์ ปรับลดเป้าหมายดัชนีหุ้นจีนทั้งในกรณีขาขึ้นและขาลง หลังประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน กระชับอำนาจมากขึ้นในการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 20 ซึ่งจัดขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ มอร์แกน สแตนลีย์คาดการณ์ว่า ดัชนี MSCI China จะปรับตัวลง 22% จนถึงเดือนมิ.ย. 2566 ภายใต้สมมุติฐานที่เป็นขาลง และจะปรับตัวขึ้น 48% ภายใต้สมมุติฐานที่เป็นขาขึ้น ซึ่งเป็นกรอบที่กว้างมากขึ้นจากที่เคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ เนื่องจากนักกลยุทธ์ตระหนักถึงผลลัพธ์ที่เป็นไปได้อย่างหลากหลาย รวมถึงความแตกต่างของผลประกอบการและความเสี่ยง
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ในขณะที่สมมุติฐานที่เป็นไปได้มากที่สุดของมอร์แกน สแตนลีย์นั้นได้แก่ การที่หุ้นมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นจากระดับปัจจุบัน แต่สมมุติฐานขาลงก็ส่งสัญญาณว่า นักลงทุนจะสูญเสียความเชื่อมั่นในการประเมินมูลค่าหุ้นโดยอิงตามผลประกอบการ และเปลี่ยนไปให้ความสนใจกับมูลค่าหุ้นที่อิงตามสินทรัพย์ซึ่งประกอบด้วยมูลค่าตามบัญชีและเงินปันผล
นักกลยุทธ์ของมอร์แกน สแตนลีย์ ซึ่งรวมถึงนางลอร่า หวัง ระบุในบันทึกเมื่อวันที่ 26 ต.ค.ว่า ส่วนต่างระหว่างเป้าหมายของดัชนีในสมมุติฐานขาขึ้นและขาลงนั้น เพิ่มขึ้นแตะ 34 จุดเมื่อเทียบกับ 28 จุดในการวิเคราะห์ครั้งก่อน โดยการปรับลดเป้าหมายหุ้นจีนดังกล่าวนั้นสะท้อนถึงความผันผวนที่เพิ่มขึ้น และการชดเชยความเสี่ยงที่สูงขึ้นหลังการประชุมสมัชชาใหญ่ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน
ตลาดจีนมีแนวโน้มที่จะทำการประเมินลำดับความสำคัญของนโยบายในอนาคต รวมถึงทิศทางของวาระด้านเศรษฐกิจและสังคม ตลอดจนความสัมพันธ์ทางการเมืองในโลกหลายขั้ว
ปธน.สีซึ่งมีอิทธิพลต่อเศรษฐกิจและตลาดจีนมากขึ้นหลังการประชุมสมัชชาฯ นั้น ได้สร้างความวิตกให้กับนักลงทุน และทำให้มูลค่าตลาดหุ้นจีนดิ่งลงกว่า 4.4 แสนล้านดอลลาร์เมื่อวันจันทร์ (24 ต.ค.) และความเชื่อมั่นที่ทรุดตัวลงอย่างหนักนั้นได้ปลุกความทรงจำในเรื่องวิกฤตการเงินโลกซึ่งชาวต่างชาติได้แห่เทขายหุ้นจีนในอัตราที่รุนแรงเป็นประวัติการณ์