หุ้นแอปเปิล อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทที่มีมูลค่าตลาดมากที่สุดในโลก พุ่ง 8.8% ในวันพฤหัสบดี (10 พ.ย.) ทำให้มูลค่าตลาดของบริษัททะยานแตะ 2.34 ล้านล้านดอลลาร์ โดยเพิ่มขึ้นถึง 1.909 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งมากที่สุดสำหรับบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ โดยได้รับแรงหนุนจากการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อที่ต่ำกว่าคาดของสหรัฐ ซึ่งปัจจัยดังกล่าวส่งให้หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้นเป็นวงกว้าง
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า การพุ่งขึ้นครั้งล่าสุดของมูลค่าตลาดของแอปเปิลนั้น แซงหน้ามูลค่าตลาดของแอมะซอนที่ปรับตัวขึ้น 1.908 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งเคยทำไว้ได้ในเดือนก.พ.
ขณะนี้ แอปเปิลคิดเป็นสัดส่วน 4 จาก 5 ของการปรับขึ้นรายวันครั้งใหญ่ที่สุด อย่างไรก็ดี หุ้นแอปเปิลยังลดลง 17% ในปีนี้
ขณะที่หุ้นไต้หวัน เซมิคอนดักเตอร์ แมนูแฟกเจอริง โค (TSMC) และซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ โคก็ปรับตัวขึ้นเช่นเดียวกัน โดยได้รับอานิสงส์จากตัวเลขเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลงของสหรัฐ ทำให้นักลงทุนต่างคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะชะลอระดับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
หุ้น TSMC พุ่งสูงถึง 8.5% ในวันนี้ (11 พ.ย.) ซึ่งมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ค. 2563 ขณะที่ หุ้นซัมซุงปรับตัวขึ้น 4.6% โดยดัชนีเซมิคอนดักเตอร์เอเชียแปซิฟิกของบลูมเบิร์ก (Bloomberg Asia Pacific Semiconductors Index) ดีดตัวขึ้น 7.6% ซึ่งมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2563 หลังดัชนีเซมิคอนดักเตอร์ฟิลาเดลเฟีย (Philadelphia Semiconductor Index) ของสหรัฐพุ่งขึ้น 10% เมื่อคืนนี้
อย่างไรก็ตาม ดัชนีชิปเอเชียของบลูมเบิร์ก (Bloomberg Asia Chip Index) ยังคงลดลง 37% ในปี 2565 โดยหุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์และเทคโนโลยีทรุดตัวลงเป็นวงกว้างในปีนี้ จากความวิตกกังวลเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย รวมถึง เศรษฐกิจโลกถดถอย และความผันผวนของตลาด