กองทุนวิชัน ฟันด์ของซอฟต์แบงก์ กรุ๊ป คอร์ป รายงานภาวะขาดทุน 1.02 ล้านล้านเยน (7.2 พันล้านดอลลาร์) ในไตรมาสเดือนก.ค. - ก.ย. หลังขาดทุน 2.33 ล้านล้านเยนในไตรมาสเดือนเม.ย. - มิ.ย. เนื่องจากการปรับตัวลงของมูลค่าธุรกิจสตาร์ตอัปที่วิชัน ฟันด์เข้าร่วมลงทุนนั้น บั่นทอนสถานะการเงินของบริษัทอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ดี ในภาพรวมบริษัทซอฟต์แบงก์สามารถทำกำไรได้ 3.03 ล้านล้านเยนในไตรมาสเดือนก.ค. - ก.ย. โดยได้แรงหนุนจากการเทขายหุ้นอาลีบาบา กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด ไปเป็นจำนวนมาก โดยซอฟต์แบงก์เปิดเผยว่า กำไรรวมทั้งหมดจากการขายหุ้นอาลีบาบาอยู่ที่ 5.37 ล้านล้านเยน
นายมาซาโยชิ ซัน ผู้ก่อตั้งซอฟต์แบงก์ ได้เปลี่ยนบริษัทโทรคมนาคมของตนให้กลายเป็นผู้ลงทุนธุรกิจสตาร์ตอัปรายใหญ่ที่สุดของโลก โดยเขาตั้งเป้าประสบความสำเร็จอีกครั้งแบบเดียวกับที่เคยทำได้มาแล้วในอาลีบาบา แต่ไม่เป็นผลเพราะตัดสินใจผิดพลาด อีกทั้งถูกกดดันจากภาวะขาลงของมูลค่าบริษัทเทคโนโลยีเมื่อไม่นานมานี้ สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ซอฟต์แบงก์เผชิญความยากลำบากจากการปรับตัวลดลงของการลงทุนภาคสาธารณะ ขณะที่วิชัน ฟันด์ก็ประสบกับการสูญเสียมูลค่าตลาดสุทธิรวมทั้งหมด 1.19 ล้านล้านเยนในหุ้นที่ถือเอาไว้ในช่วงสิ้นไตรมาสเดือนก.ค.-ก.ย. โดยในจำนวนดังกล่าว บริษัทเซนซ์ไทม์ กรุ๊ป อิงค์ (SenseTime Group Inc) ของจีนคิดเป็นสัดส่วน 3.64 แสนล้านเยน ขณะที่ดอร์แดช อิงค์ (Doordash Inc) บริษัทจัดส่งอาหารของสหรัฐคิดเป็นสัดส่วน 2.25 แสนล้านเยน และโกทู กรุ๊ป (GoTo Group) บริษัทเรียกรถรับส่งและอีคอมเมิร์ซของอินโดนีเซียคิดเป็นสัดส่วน 1.08 แสนล้านเยน
นอกจากนี้ ซอฟต์แบงก์ยังถือหุ้นบริษัทเอฟทีเอ็กซ์ (FTX.com) อีกด้วย แม้บริษัทปฏิเสธที่จะบอกว่าถือในสัดส่วนเท่าไร แม้นายแซม แบงก์แมน-ฟรายด์ ผู้ร่วมก่อตั้งเอฟทีเอ็กซ์จะออกมาระบุว่าอาจต้องยื่นล้มละลายก็ตาม