มูลค่าตลาดของบริษัทเทสลาร่วงลงหลุดจากระดับ 5 แสนล้านดอลลาร์ เนื่องจากนักลงทุนกระหน่ำขายหุ้นเทสลาออกมาอย่างหนักนับตั้งแต่มีรายงานว่า เทสลาได้ระงับการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่โรงงานในเมืองเซี่ยงไฮ้
ราคาหุ้นเทสลาถูกเทขายอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ส่งผลให้หุ้นเทสลาร่วงลงไปแล้วเกือบ 40% นับตั้งแต่สิ้นเดือนก.ย. สวนทางกับภาพรวมของดัชนี S&P500 ที่ปรับตัวขึ้น 12%
ในการซื้อขายที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุดในวันอังคาร (13 ธ.ค.) ราคาหุ้นปิดตลาดร่วงลงกว่า 4.1% ส่งผลให้มูลค่าตลาดของเทสลาดิ่งลงสู่ระดับต่ำกว่า 5 แสนล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ ความวิตกกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์ของรถยนต์ไฟฟ้า รวมทั้งการที่นายอีลอน มัสก์ ซีอีโอของเทสลาได้ทุ่มเงินจำนวนมากเพื่อซื้อกิจการทวิตเตอร์นั้น ได้ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อราคาหุ้นเทสลาในปีนี้
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า มูลค่าตลาดของเทสลาทะยานขึ้นเหนือระดับ 5 แสนล้านดอลลาร์ครั้งแรกในเดือนพ.ย. 2562 หลังจากราคาหุ้นพุ่งขึ้นมากกว่า 6 เท่า แซงหน้าหุ้นตัวอื่น ๆ ในดัชนี S&P500 โดยในเวลานั้นหุ้นเทสลาได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนให้ความสนใจทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ไฟฟ้า และจากการที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีได้รับแรงซื้อเป็นวงกว้าง
แต่มุมมองของนักลงทุนเปลี่ยนแปลงไปในช่วง 2 ปีหลังจากนั้น โดยมองว่าหุ้นเทสลาซึ่งจัดอยู่ในหุ้นกลุ่มเติบโต (Growth Stocks) ที่ต้องพึ่งพาผลกำไรและการเติบโตในอนาคตนั้น ได้รับผลกระทบอย่างหนักในปีนี้ เนื่องจากการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อ, การปรับขึ้นดอกเบี้ยเชิงรุกของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด), ความผันผวนด้านภูมิรัฐศาสตร์ และความเสี่ยงที่เศรษฐกิจจะเผชิญภาวะถดถอย
การร่วงลงอย่างหนักของราคาหุ้นเทสลาทำให้นายอีลอน มัสก์ หลุดอันดับบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก โดยเมื่อวันจันทร์ (12 ธ.ค.) นิตยสารฟอร์บส์ยกให้นายแบร์นาร์ อาร์โน ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท LVMH ขึ้นแท่นบุคคลร่ำรวยที่สุดในโลกคนล่าสุดแทนนายมัสก์