นายไถ่ หุย หัวหน้านักกลยุทธ์การตลาดเอเชียแปซิฟิกของเจพีมอร์แกนคาดการณ์ว่า บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นเอเชียแปซิฟิกช่วงท้ายสัปดาห์นี้จะเป็นอย่างระมัดระวัง หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.50% ในการประชุมเมื่อวานนี้ (14 ธ.ค.) พร้อมกับส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยเป็นเวลานานขึ้น เพื่อฉุดเงินเฟ้อให้กลับสู่เป้าหมายที่ระดับ 2%
"เมื่อพิจารณาจากการปฏิกิริยาของตลาดหุ้นสหรัฐต่อผลการประชุมเฟดในครั้งนี้แล้ว เราคาดว่าการซื้อขายในตลาดหุ้นเอเชียช่วงปลายสัปดาห์นี้จะเป็นไปอย่างระมัดระวังมากยิ่งขึ้น"
นายไถ่ยังกล่าวด้วยว่า อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐจะต้องชะลอตัวลงอีก จึงจะทำให้เฟดชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ยเชิงรุก ในขณะเดียวกันก็คาดว่านักลงทุนในตลาดหุ้นเอเชียจะมีมุมมองเป็นบวกมากขึ้นต่อการที่จีนเปิดประเทศ
"แนวโน้มในระยะกลางนี้ การที่จีนเปิดประเทศและการฟื้นตัวของอุปสงค์ในเอเชีย จะเป็นปัจจัยหนุนตลาด ขณะที่สหรัฐและยุโรปจะเผชิญกับความท้าทายทางเศรษฐกิจมากขึ้น" นายไถ่กล่าว และเสริมว่า "ตัวเลขเงินเฟ้อจะต้องอ่อนแรงลงมากกว่านี้ เฟดจึงจะชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ยเชิงรุก"
ทั้งนี้ คณะกรรมการเฟดมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.50% สู่ระดับ 4.25-4.50% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 15 ปี พร้อมกับส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกอย่างน้อย 0.75% ภายในสิ้นปี 2566
ในการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) เจ้าหน้าที่เฟดคาดว่าจะยังคงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปในปี 2566 และจะไม่มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจนกว่าจะถึงปี 2567 โดยเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสูงสุด (Terminal rate) สู่ระดับ 5.1% ภายในปี 2566 ก่อนที่จะสิ้นสุดวัฏจักรปรับขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งตัวเลขดังกล่าวสูงกว่ารายงาน Dot Plot ในการประชุมเดือนก.ย.ที่เฟดระบุว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยสูงสุดสู่ระดับ 4.6% ภายในปี 2566"
ทางด้านนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดกล่าวภายหลังการประชุมว่า ขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะพูดถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากเฟดให้ความสำคัญกับการใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงินเพื่อฉุดเงินเฟ้อให้กลับสู่เป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2%