ดัชนี Bloomberg Billionaires Index ระบุว่า ความมั่งคั่งของอีลอน มัสก์ เพิ่มขึ้นประมาณ 1.06 หมื่นล้านดอลลาร์ แตะ 1.452 แสนล้านดอลลาร์ นับตั้งแต่ขึ้นศาลเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (20 ม.ค.) และนับเป็นการเพิ่มขึ้นติดต่อกัน 2 วันที่มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. มูลค่าทรัพย์สินของเขาดีดตัวขึ้นในปีนี้พร้อมกับเหล่าบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก 500 คน ขณะที่ตลาดฟื้นตัวจากความผันผวนในปี 2565
รายงานระบุว่า นายมัสก์ วัย 51 ปี กำลังเผชิญกับคดีฉ้อโกงหลักทรัพย์ อันเนื่องมาจากข้อความที่เขาทวีตไว้เมื่อเดือนส.ค. 2561 ว่า "กำลังพิจารณาจะนำเทสลาออกจากตลาดในราคา 420 ดอลลาร์ต่อหุ้น มีแหล่งเงินทุนพร้อมแล้ว" ซึ่งนักลงทุนแย้งว่า การที่นายมัสก์อ้างว่ามีเงินซื้อเทสลาออกจากตลาดนั้นเป็นเรื่องโกหก และทำให้บรรดานักลงทุนต้องสูญเสียเงินครั้งใหญ่ก่อนที่แผนจะถูกล้มเลิกไป
ด้านนายมัสก์ยืนยันว่าไม่มีความเชื่อมโยงระหว่างทวีตของเขากับความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น อย่างไรก็ดี ข้อเท็จจริงก็คือ หุ้นเทสลาปรับตัวเพิ่มขึ้นมากถึง 13.3% ในวันที่นายมัสก์ทวีตข้อความดังกล่าว
ทั้งนี้ ยังไม่ชัดเจนว่าการพิจารณาคดีของคณะลูกขุนของรัฐบาลกลางจะดำเนินไปอย่างไร โดยบันทึกการสนทนาที่เปิดเผยในการยื่นฟ้องต่อศาลเมื่อวันจันทร์ (23 ม.ค.) ระบุว่า นายมัสก์ได้บอกกับนักลงทุนชาวซาอุดีอาระเบียเมื่อปี 2561 ว่า เขาไม่มีหุ้นเทสลามากพอที่จะนำออกจากตลาดเพียงลำพังได้ โดยนายมัสก์ยืนยันว่า กองทุนเพื่อการลงทุนสาธารณะแห่งซาอุดีอาระเบีย (PIF) "ต้องการซื้อบริษัทเทสลาออกจากตลาดอย่างแน่นอน" และกล่าวหาว่า นายยาซีร์ อัล รูไมยาน ประธาน PIF กลับคำจากที่เคยตกลงกันไว้
บันทึกสนทนาระบุว่า มัสก์กล่าวว่าเขาเป็นเจ้าของเทสลาประมาณ 19% ในขณะนั้น และอาจมากถึง 25% หากใช้สิทธิออปชั่น แต่ตอนนี้เขาถือหุ้นอยู่แค่ประมาณ 13% หลังจากขายไปเกือบ 4 หมื่นล้านดอลลาร์ตั้งแต่ปลายปี 2564 เพื่อจ่ายภาษีและใช้เป็นเงินทุนซื้อกิจการทวิตเตอร์