เจพีมอร์แกนประกาศลดอันดับความน่าลงทุนของบมจ.เอสซีบี เอกซ์ (SCB) ลงสู่ "ลดน้ำหนักการลงทุน" (Underweight) จากเดิมที่ให้ "คงน้ำหนักการลงทุน" (Neutral) โดยระบุถึงปัจจัยลบจากการคาดการณ์ที่ว่า credit cost (ต้นทุนความเสี่ยงของสินเชื่อที่ไม่ได้รับการชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ย) ในปีนี้ จะสูงกว่าที่ธนาคารคาดการณ์ไว้ ในขณะที่ credit cost ในช่วงครึ่งปีแรกอยู่ที่ระดับ 1.84%
นอกจากนี้ ปัญหาด้านการดำเนินงานที่เกิดขึ้นกับธุรกิจบัตรเครดิต CardX รวมทั้งการชะลอตัวในธุรกิจสินเชื่อรถยนต์ของ AutoX ยังสะท้อนให้เห็นว่า ราคาหุ้นของ SCB กำลังเผชิญกับความท้าทายที่สูงมากในระยะใกล้นี้
ทั้งนี้ เจพีมอร์แกนได้ปรับลดคาดการณ์กำไรต่อหุ้น (EPS) ของ SCB ในปีงบการเงิน 2566 และ 2567 ลง 9% และ 4% ตามลำดับ เนื่องจาก credit cost ปรับตัวสูงขึ้น ขณะเดียวกันเจพีมอร์แกนได้ปรับลดเป้าหมายราคาหุ้น SCB ลงสู่ระดับ 98 บาท จากเป้าหมายเดิมที่ระดับ 110 บาท
เจพีมอร์แกนยังระบุด้วยว่า ระบบปฏิบัติการทางออนไลน์ของ CardX ได้เกิดปัญหาขัดข้องครั้งใหญ่ในช่วงต้นปีนี้ อันเนื่องมาจากความคลาดเคลื่อนที่เกิดขึ้นในขณะทำการอัปโหลดข้อมูลต่าง ๆ ของลูกค้าเข้าสู่ระบบคลาวด์ ซึ่งรวมถึงข้อมูลที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ และหมายเลขบัญชี ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวได้นำไปสู่ปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการจัดเก็บข้อมูลและการบริการด้านสินเชื่อ โดยปัญหาดังกล่าวยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างเต็มรูปแบบ และคาดว่าจะยังคงส่งผลให้ธุรกิจของ SCB เติบโตช้าลง และอาจทำให้ CardX ต้องตั้งสำรองเงินทุนเพิ่มขึ้นอีกในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือ เหตุการณ์เหล่านี้ได้นำไปสู่การตั้งคำถามเกี่ยวกับความสามารถของ SCB ในการจัดการกับธุรกิจใหม่ ๆ และการเปลี่ยนผ่านธุรกิจในปัจจุบันไปสู่การเป็นแพลตฟอร์มและการใช้เครื่องมือด้านดิจิทัลที่ทันสมัย
เจพีมอร์แกนประเมินว่า ความเสี่ยงที่จะมีต่อคุณภาพสินทรัพย์ของ SCB มีอยู่ 2 ด้านด้วยกัน คือ 1. ความเสี่ยงที่จะมีการตัดหนี้สูญ (write-off) ของธุรกิจ CardX ในไตรมาส 3 ของปีนี้ และ 2. ความเสี่ยงจากธุรกิจสินเชื่อผู้บริโภคที่อ่อนแอลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่ SCB มีการลงทุนจำนวนมากในธุรกิจดังกล่าว