เครือซอฟต์แบงก์แถลงเมื่อคืนวันอังคาร (26 ธ.ค.) ว่าได้แจ้งให้ที-โมบาย ยูเอส ออกหุ้นสามัญจำนวน 48.75 ล้านหุ้นให้กับซอฟต์แบงก์ หลังบรรลุเงื่อนไขที่ระบุไว้ในข้อตกลงซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการควบรวมกิจการโทรคมนาคมระหว่างบริษัทสปริ๊นท์ของซอฟต์แบงก์ในสหรัฐ กับที-โมบาย
ธุรกรรมดังกล่าวส่งผลให้สินทรัพย์ที่จดทะเบียนในพอร์ตโฟลิโอของซอฟต์แบงก์เพิ่มขึ้น โดยเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในที-โมบาย ยูเอส เป็นสองเท่า จาก 3.75% เป็น 7.64%
หุ้นซอฟต์แบงก์ปรับตัวขึ้นครั้งใหญ่ที่สุดในรอบกว่าหนึ่งเดือน อย่างไรก็ตาม ซอฟต์แบงก์ปรับตัวขึ้นเพียงประมาณ 14% นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน เมื่อเทียบกับการพุ่งขึ้นเกือบ 30% ของดัชนีนิกเกอิ โดยบริษัทหลักทรัพย์แมคควอรีประเมินว่า หุ้นซอฟต์แบงก์ซื้อขายกันในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าสินทรัพย์ประมาณ 45.5%
ทั้งนี้ นายมาซาโยชิ ซง ซีอีโอของซอฟต์แบงก์ เป็นนักลงทุนชั้นนำในบริษัทสตาร์ตอัประยะปลาย แต่ประสบกับความล้มเหลวหลายครั้ง รวมถึงการล้มละลายของวีเวิร์ค บริษัทผู้ให้บริการเช่าพื้นที่สำนักงานร่วม ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นสตาร์ตอัปที่มีมูลค่ามากที่สุดในสหรัฐ
อนึ่ง ธุรกรรมที-โมบาย ยูเอส ครั้งนี้ทำให้อัตราผลตอบแทนภายใน (IRR) ของซอฟต์แบงก์จากการลงทุนในสปริ๊นท์เพิ่มขึ้นเป็น 25.5%
ปัจจัยบวกอื่น ๆ ของซอฟต์แบงก์ได้แก่ราคาหุ้นบริษัทผู้ผลิตชิป "อาร์ม" ที่พุ่งขึ้นแรง โดยปิดตลาดเมื่อวันอังคารสูงกว่าราคาตอนทำ IPO เมื่อเดือนก.ย.ประมาณ 44%