ผู้พิพากษาแห่งรัฐเดลาแวร์ตัดสินให้แพ็คเกจค่าตอบแทนมูลค่า 5.6 หมื่นล้านดอลลาร์ของนายอีลอน มัสก์ จากบริษัทเทสลาเป็นโมฆะเมื่อวานนี้ (30 ม.ค.) โดยกล่าวว่า ค่าตอบแทนที่คณะกรรมการบริษัทเทสลาอนุมัติให้นายมัสก์นั้นเป็น "เงินจำนวนมากจนยากจะหยั่งถึง" และไม่ยุติธรรมกับผู้ถือหุ้น
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า คำตัดสินดังกล่าวได้ยกเลิกแพ็คเกจค่าตอบแทนที่ถือเป็นแพ็คเกจก้อนใหญ่ที่สุดในบรรดาบริษัทในสหรัฐ ผู้พิพากษาพบว่า ค่าตอบแทนที่อิงตามหุ้นนั้นมีการเจรจาตกลงกันโดยกรรมการบริษัทที่ดูเหมือนจะตกอยู่ใต้อำนาจของนายมัสก์ ผู้เป็นซีอีโอของเทสลา
"เพราะถูกชักจูงด้วยวาทกรรม 'มีแต่ได้กับได้' หรือไม่ก็อาจจะตื่นตาตื่นใจกับภาพลักษณ์ซูเปอร์สตาร์ของมัสก์ คณะกรรมการบริษัทจึงไม่เคยตั้งคำถามเลยว่า แผนค่าตอบแทนมูลค่า 5.58 หมื่นล้านดอลลาร์นี้จำเป็นต่อการรักษามัสก์ไว้ที่เทสลาและช่วยให้บริษัทบรรลุเป้าหมายจริงหรือไม่" ผู้พิพากษาแคทลีน แมคคอร์มิก จากศาลชานเซอรีแห่งเดลาแวร์ ระบุ
นางแมคคอร์มิกสั่งให้ผู้ถือหุ้นเทสลาที่คัดค้านแผนค่าตอบแทนนี้ไปหารือกับทีมกฎหมายของนายมัสก์เพื่อหาทางนำคำตัดสินนี้ไปปฏิบัติ
ทั้งนี้ คำตัดสินดังกล่าวสามารถยื่นอุทธรณ์ต่อศาลฎีกาแห่งรัฐเดลาแวร์ได้ หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบตามคำสั่งศาลขั้นสุดท้ายและตกลงกันเรื่องค่าทนายความของผู้ถือหุ้นที่เทสลาจะเป็นผู้จ่าย
"แผนค่าตอบแทนมูลค่ามหาศาลที่สุดเท่าที่เคยมีมา ซึ่งเป็นเงินจำนวนมากจนยากจะหยั่งถึง ดูเหมือนจะได้รับการปรับมาเพื่อช่วยให้มัสก์บรรลุสิ่งที่เขาเชื่อว่าจะสร้าง 'อนาคตที่ดีสำหรับมนุษยชาติ'" นางแมคคอร์มิกเขียนในรายงานความเห็น 201 หน้า
นางแมคคอร์มิกเขียนว่า สมาชิกคณะกรรมการของเทสลาหลายคน รวมถึงนายคิมบาล มัสก์ น้องชายของอีลอน มัสก์ และนายเจมส์ เมอร์ด็อก ลูกชายของเจ้าพ่อสื่อ รูเพิร์ต มูร์ด็อก มีความสัมพันธ์ส่วนตัวอย่างใกล้ชิดกับซีอีโอจนขาดความเป็นอิสระ นอกจากนี้ กรรมการบริษัทเทสลาคนปัจจุบันอีก 2 คน ได้แก่ นางโรบิน เดนโฮล์ม และนายไอรา เอห์เรนไพรส์ ขาดความเป็นอิสระในการตัดสินใจเรื่องค่าตอบแทนของนายมัสก์ด้วยเช่นกัน
ภายหลังคำตัดสินดังกล่าว นายมัสก์โพสต์ข้อความบนเอ็กซ์ (ทวิตเตอร์) ว่า "อย่าจดทะเบียนบริษัทของคุณในรัฐเดลาแวร์เด็ดขาด"