บริษัทออร์เท็กซ์ซึ่งเป็นบริษัทข้อมูลและการวิเคราะห์ระบุว่า นักชอร์ตได้ทุบขายหุ้นกลุ่มธนาคารระดับภูมิภาคของสหรัฐซึ่งรวมถึงนิวยอร์ก คอมมิวนิตี แบงคอร์ป (NYCB) และทำกำไรได้ราว 1.04 พันล้านดอลลาร์ในช่วง 2 วันที่ผ่านมา
หุ้น NYCB ร่วงลงราว 40% จากระดับปิดตลาดเมื่อวันอังคาร (30 ม.ค.) หลังจากประกาศผลประกอบการขาดทุนเกินคาด และลดเงินปันผลลงถึง 70% โดยการร่วงลงของหุ้น NYCB ทำกำไรให้กับนักชอร์ตประมาณ 122 ล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ นักชอร์ตตั้งเป้าทำกำไรจากการขายหุ้นที่ยืมมาและซื้อกลับคืนในราคาที่ต่ำลง
ข้อมูลจากออร์เท็กซ์ระบุว่า หุ้น NYCB ราว 3.6% ถูกขายชอร์ต ซึ่งแทบไม่เปลี่ยนแปลงในช่วง 2 วันทำการที่ผ่านมา และต่ำกว่าเล็กน้อยจากระดับเฉลี่ยในรอบ 3 เดือนที่ 4.18%
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ในช่วงที่เกิดวิกฤตธนาคารภูมิภาคเมื่อปีที่แล้วนั้น นักขายชอร์ตได้ทุบขายหุ้นธนาคาร อาทิ เฟิร์สต์ รีพับลิก แบงก์, ซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์ และซิกเนเจอร์ แบงก์ ซึ่งอาจเร่งให้ราคาหุ้นร่วงลงรุนแรงขึ้น