ดอลลาร์ ทรี (Dollar Tree) ซึ่งเป็นเครือข่ายค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐ รายงานยอดขายและกำไรประจำไตรมาสที่ 4 ของปีการเงิน 2566 ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 3 ก.พ. ต่ำกว่าคาดการณ์ของตลาด และมีแผนจะปิดร้านแฟมีลี ดอลลาร์ (Family Dollar) จำนวน 970 สาขา เนื่องจากบริษัทต้องการปรับโฉมธุรกิจที่กำลังประสบปัญหา
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานเมื่อวานนี้ (13 มี.ค.) ว่า หุ้นดอลลาร์ ทรี ดิ่งลงประมาณ 14% หลังจากที่บริษัทคาดการณ์ยอดขายและกำไรในปี 2567 ต่ำกว่าคาดการณ์ด้วยเช่นกัน ด้านหุ้นบริษัทคู่แข่งอย่างดอลลาร์ เจเนอรัล (Dollar General) ก็ลดลง 2.8%
ดอลลาร์ ทรี รายงานผลขาดทุนสุทธิ 1.71 พันล้านดอลลาร์ หรือ 7.85 ดอลลาร์ต่อหุ้น ในไตรมาสที่สิ้นสุดวันที่ 3 ก.พ. พลิกจากที่มีกำไร 452.2 ล้านดอลลาร์ หรือ 2.04 ดอลลาร์ต่อหุ้น ในปีก่อนหน้า
บริษัทคาดการณ์ยอดขายในปี 2567 อยู่ระหว่าง 3.1-3.2 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งตัวเลขตรงกลางของช่วงคาดการณ์ต่ำกว่าที่วอลล์สตรีทประมาณการไว้ที่ 3.165 หมื่นล้านดอลลาร์ ตามข้อมูลของ LSEG
ส่วนกำไรประจำปีคาดว่าจะอยู่ระหว่าง 6.70-7.30 ดอลลาร์ต่อหุ้น ซึ่งตัวเลขตรงกลางของช่วงคาดการณ์ต่ำกว่าที่วอลล์สตรีทประมาณการไว้ที่ 7.04 ดอลลาร์ต่อหุ้น
ร้านของดอลลาร์ ทรี ประสบปัญหาจากการแข่งขันแย่งชิงลูกค้าจากแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซของจีนอย่างทีมู่ (Temu) ของบริษัทพีดีดี กรุ๊ป (PDD Group) โดยทีมู่จำหน่ายสินค้าตกแต่งบ้านในสหรัฐในราคาเพียง 4 ดอลลาร์และสินค้าฟุ่มเฟือยอื่น ๆ ในราคาประหยัด คู่แข่งรายอื่น ๆ ที่ต้องการดึงดูดนักช้อปของถูกเข้าร้าน ได้แก่ วอลมาร์ต (Walmart) ซึ่งยังคงรักษาราคาสินค้าให้อยู่ในระดับต่ำโดยเฉพาะสินค้าประเภทของชำ และทาร์เก็ต (Target) ซึ่งกำลังเปิดตัวสินค้าประเภทเครื่องใช้ในบ้าน ผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนบุคคล และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์หลายร้อยรายการในราคาต่ำกว่า 10 ดอลลาร์
"ปัญหาใหญ่ที่สุดของเราในขณะนี้คือ การนำสินค้าเข้าร้านให้ได้มากพอและเร็วพอ เพื่อให้ทันต่อความต้องการของผู้บริโภค" นายริค ดรายลิง ซีอีโอดอลลาร์ ทรี กล่าว โดยเสริมว่าร้านแฟมีลี ดอลลาร์ ยังคงได้รับผลกระทบจากความไม่แน่นอนจากปัจจัยทางเศรษฐกิจมหภาค
เมื่อเดือนพ.ย.ที่แล้ว ดอลลาร์ ทรี กล่าวว่า บริษัทจะทำการทบทวนธุรกิจแฟมีลี ดอลลาร์ ซึ่งรวมถึงการปิดสาขาที่ทำผลงานได้ต่ำกว่าเป้าหมาย เพื่อให้กิจการกลับมาเติบโตอีกครั้ง
ดอลลาร์ ทรี ซึ่งดำเนินธุรกิจร้านค้าประมาณ 16,774 แห่ง กล่าวว่าจะปิดร้านแฟมีลี ดอลลาร์ ประมาณ 600 สาขาในช่วงครึ่งปีแรกของปีงบประมาณ 2567 และอีก 370 สาขาภายในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ขณะเดียวกันก็จะปิดร้าน ดอลลาร์ ทรี อีก 30 สาขา เนื่องจากสัญญาเช่าพื้นที่หมดอายุ
ขณะเดียวกัน ทีมู่กำลังลงทุนด้านการตลาดดิจิทัลและโทรทัศน์เพื่อดึงดูดลูกค้าจากร้านของดอลลาร์และร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิมอื่น ๆ
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวส่งผลให้ดอลลาร์ ทรี มีค่าใช้จ่ายจำนวน 594.4 ล้านดอลลาร์สำหรับการทบทวนเพื่อปรับกลุ่มธุรกิจ และมีการด้อยค่าความนิยม (goodwill impairment) จำนวน 1.07 พันล้านดอลลาร์ รวมถึงการด้อยค่าของสินทรัพย์อื่น ๆ อีก 950 ล้านดอลลาร์ ในไตรมาส 4/2566