สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างแหล่งข่าววงในเมื่อวานนี้ (11 ก.ค.) ว่า เทสลา อิงค์ (Tesla Inc.) ตัดสินใจเลื่อนงานเปิดตัวรถแท็กซี่ไร้คนขับ หรือ "โรโบแท็กซี่" ออกไปเป็นเดือนต.ค.นี้ เพื่อให้ทีมงานมีเวลามากขึ้นในการสร้างรถต้นแบบเพิ่มเติม
หนึ่งในแหล่งข่าวเปิดเผยว่า เทสลาได้แจ้งพนักงานภายในแล้วว่าจะเลื่อนงานเปิดตัวออกไปราว 2 เดือน โดยในสัปดาห์นี้ ทีมออกแบบได้รับแจ้งให้แก้ไของค์ประกอบบางส่วนของโรโบแท็กซี่ใหม่ด้วย
ก่อนหน้านี้ นายอีลอน มัสก์ ซีอีโอของเทสลา ได้กำหนดวันจัดงานไว้ในวันที่ 8 ส.ค. ความตื่นเต้นเกี่ยวกับงานนี้ทำให้หุ้นของเทสลาเพิ่มขึ้นติดต่อกัน 11 วัน ทำให้มูลค่าตลาดของบริษัทเพิ่มขึ้นกว่า 2.57 แสนล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม หุ้นของเทสลากลับปิดร่วงลง 8.4% เมื่อวานนี้ ซึ่งถือเป็นการลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.
ในทางกลับกัน ข่าวการเลื่อนครั้งนี้กลับส่งผลดีต่อหุ้นของคู่แข่งในธุรกิจแท็กซี่อย่างอูเบอร์ เทคโนโลยีส์ อิงค์ (Uber Technologies Inc.) และลิฟต์ อิงค์ (Lyft Inc.) โดยหุ้นของอูเบอร์พุ่งขึ้น 6.1% ขณะที่ลิฟต์พุ่งขึ้น 4.6%
สำหรับแนวคิดในการสร้างบริการแท็กซี่ไร้คนขับนั้นเกิดขึ้นภายในบริษัทเทสลามาหลายปีแล้ว นับตั้งแต่ที่นายมัสก์ได้เขียน "แผนแม่บท" ฉบับที่สองของบริษัทในปี 2559 โดยในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้ นายมัสก์ให้ความสำคัญกับโครงการนี้มากกว่าการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าที่มีราคาถูกกว่า Model 3 ซึ่งเป็นรถ EV รุ่นที่ถูกที่สุดของเทสลาในตอนนี้
นายมัสก์ได้พูดถึงเทคโนโลยีรถยนต์ไร้คนขับของเทสลามานานกว่าทศวรรษแล้ว และโน้มน้าวให้ลูกค้าจ่ายเงินหลายพันดอลลาร์เพื่อซื้อชุดฟีเจอร์ที่บริษัทเรียกว่า "Full Self-Driving" หรือ FSD อย่างไรก็ตาม ชื่อนี้เป็นชื่อทางการตลาดที่ทำให้คนเข้าใจผิดได้ เนื่องจาก FSD ยังคงต้องมีคนขับคอยควบคุมดูแลรถอยู่ตลอดเวลา และไม่ได้ทำให้รถเทสลาขับได้เองโดยอัตโนมัติโดยสมบูรณ์ อย่างไรก็ตาม ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา นายมัสก์และทีมวิศวกรระดับสูงต่างก็พูดถึง FSD ในแง่บวกมากขึ้น ขณะที่ยอดขายรถของบริษัทชะลอตัวลง
ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งแรกของปี เทสลามียอดส่งมอบรถยนต์ลดลง 6.6% แม้ว่าบริษัทจะเพิ่งเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่อย่าง Cybertruck เข้าสู่ตลาด นอกจากนี้ ยอดผลิตรถยนต์ของเทสลาในไตรมาสที่สองยังลดลง 14% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เพื่อช่วยลดจำนวนรถที่เก็บไว้ในสต็อกที่กำลังเพิ่มขึ้น