ราคาหุ้นคราวด์สไตรค์ (CrowdStrike) ร่วงลงอย่างหนักถึง 13% ในวันนี้ (22 ก.ค.) ต่อเนื่องจากช่วงขาลงก่อนหน้านี้ หลังจากนักวิเคราะห์หลายสำนักปรับลดคำแนะนำการลงทุนลง เนื่องจากความกังวลเรื่องผลกระทบทางการเงินจากเหตุการณ์ระบบไซเบอร์ล่มทั่วโลกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ราคาหุ้นคราวด์สไตรค์ซื้อขายอยู่ที่ 265.24 ดอลลาร์ในวันนี้ หลังจากที่ร่วงลงไปแล้วถึง 11% ในวันศุกร์ (19 ก.ค.) นอกจากนี้ โบรกเกอร์อย่างน้อย 6 แห่งได้ปรับลดราคาเป้าหมายของคราวด์สไตรค์ลง โดยมี 2 แห่งที่ปรับลดคำแนะนำจาก "ซื้อ" เป็น "ถือ"
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา การอัปเดตซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัยของคราวด์สไตรค์ที่มีปัญหา ทำให้คอมพิวเตอร์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows ของไมโครซอฟท์ (Microsoft) ล่ม สร้างความปั่นป่วนให้กับบริการอินเทอร์เน็ตทั่วโลก กระทบอุตสาหกรรมต่าง ๆ ทั้งสายการบิน ธนาคาร และบริการด้านสุขภาพ
ทางด้านไมโครซอฟท์เผยเมื่อวันเสาร์ (20 ก.ค.) ว่า มีอุปกรณ์ที่ใช้ Windows ได้รับผลกระทบราว 8.5 ล้านเครื่อง หรือคิดเป็นไม่ถึง 1% ของอุปกรณ์ Windows ทั้งหมด
แม้นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าคราวด์สไตรค์จะสามารถกู้สถานการณ์กลับมาได้เนื่องจากเป็นผู้นำในวงการ แต่ก็ยังมีความกังวลหลายประการ ทั้งเรื่องชื่อเสียงเสียหาย ผลกระทบต่อการทำสัญญากับลูกค้าใหม่ การแข่งขันในตลาด รวมถึงโอกาสที่จะเกิดคดีความตามมา
"เราไม่เชื่อว่าเหตุการณ์นี้จะส่งผลกระทบต่อการต่ออายุสัญญากับลูกค้าเดิม อย่างน้อยก็ในระยะสั้น... อย่างไรก็ตาม เราคิดว่าอย่างน้อยมันจะทำให้การเซ็นสัญญาใหม่ ๆ ล่าช้าออกไป หรืออาจถึงขั้นเสียลูกค้าในดีลที่แข่งขันกันสูง" นักวิเคราะห์จากกุกเกนไฮม์ (Guggenheim) ให้ความเห็นเมื่อวันอาทิตย์ (21 ก.ค.)
ขณะเดียวกัน ราคาหุ้นเซนทิเนลวัน (SentinelOne) คู่แข่งของคราวด์สไตรค์ กลับพุ่งขึ้น 11% ในวันนี้ โดยเจพีมอร์แกน (J.P. Morgan) มองว่าบริษัทนี้เป็น "ผู้ได้ประโยชน์อย่างชัดเจนที่สุด" จากเหตุการณ์ที่นักวิเคราะห์หลายคนมองว่าเป็นการล่มของระบบไอทีครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ยุคใหม่
ปีเตอร์ วีด นักวิเคราะห์จากเบิร์นสตีน (Bernstein) กล่าวว่า มีโอกาสที่คราวด์สไตรค์จะต้องเผชิญกับคดีความ หลังจากที่ระบบของลูกค้ากลับมาทำงานได้อีกครั้ง
แม้บริการต่าง ๆ ทั่วโลกจะทยอยกลับมาใช้งานได้ในช่วงค่ำของวันศุกร์ แต่บริษัทหลายแห่งยังคงต้องเผชิญกับปัญหาต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นงานที่ค้างสะสม ความล่าช้า และแม้กระทั่งเที่ยวบินที่ถูกยกเลิก เหตุการณ์นี้จึงทำให้เกิดคำถามสำคัญว่า จะป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ซ้ำอีกได้อย่างไร และซอฟต์แวร์ที่สำคัญเช่นนี้ควรจะอยู่ในมือของบริษัทเพียงไม่กี่รายต่อไปหรือไม่
"เหตุการณ์ที่สร้างความปั่นป่วนไปทั่วโลกครั้งนี้ น่าจะส่งผลกระทบต่อผลประกอบการทางการเงินและการดำเนินงานของคราวด์สไตรค์... ยิ่งเสียเวลาไปกับการแก้ไขความเสียหาย ก็ยิ่งเสียโอกาสในการขาย" นักวิเคราะห์จากเจพีมอร์แกนกล่าว