ตลาดหุ้นญี่ปุ่นประสบปัญหาเงินทุนต่างชาติไหลออกอย่างหนักในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 19 ก.ค. อันเนื่องมาจากการเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีทั่วโลก และความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มผลประกอบการของบริษัทส่งออกของญี่ปุ่น หลังจากเงินเยนแข็งค่าขึ้น
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานในวันนี้ (25 ก.ค.) โดยอ้างข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์ญี่ปุ่นที่ระบุว่า นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นญี่ปุ่นสุทธิ 8.196 แสนล้านเยน (5.38 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งถือเป็นการขายสุทธิรายสัปดาห์มากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 19 เม.ย.ที่ผ่านมา
นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นสามัญสุทธิ 2.4595 แสนล้านเยน ทำให้แรงซื้อสุทธิต่อเนื่อง 3 สัปดาห์สิ้นสุดลง นอกจากนี้ นักลงทุนต่างชาติยังทยอยขายสัญญาอนุพันธ์อีกประมาณ 5.7365 แสนล้านเยน
ดัชนีนิกเกอิร่วงลงโดยเฉลี่ย 2.74% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นการลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 19 เม.ย.เช่นกัน
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ดัชนีนิกเกอิปิดตลาดที่ระดับ 37,869.51 จุด ร่วงลง 1,285.34 จุด หรือ -3.28% ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 25 เม.ย. จากแรงเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่ และการแข็งค่าของเงินเยนที่พุ่งขึ้นไปแตะระดับ 152.2 เยนต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือนครึ่ง
นอกจากนี้ นักลงทุนต่างชาติยังคงเทขายพันธบัตรญี่ปุ่นต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 6 โดยขายพันธบัตรระยะยาวมูลค่าราว 3.521 แสนล้านเยน และพันธบัตรระยะสั้นอีกประมาณ 4.557 แสนล้านเยน
ขณะที่นักลงทุนญี่ปุ่นขายพันธบัตรต่างประเทศระยะยาวออกไปเป็นมูลค่า 7.304 แสนล้านเยน ซึ่งถือเป็นการขายสุทธิต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 2 อย่างไรก็ตาม นักลงทุนญี่ปุ่นกลับเข้าซื้อตราสารหนี้ระยะสั้นประมาณ 5.07 หมื่นล้านเยน
สำหรับการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ นักลงทุนญี่ปุ่นกลับมาซื้อสุทธิอีกครั้ง โดยซื้อหุ้นสุทธิมูลค่า 1.21 หมื่นล้านเยน หลังจากที่ขายสุทธิติดต่อกันมา 3 สัปดาห์