HSBC ประกาศแผนซื้อหุ้นคืนมูลค่า 3 พันล้านดอลลาร์ในวันนี้ (31 ก.ค.) หวังกระตุ้นราคาหุ้นที่ซบเซา หลังจากรายงานผลกำไรครึ่งปีแรกทรงตัว โดยได้แรงหนุนจากการเติบโตของธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง และผลขาดทุนที่ลดลงในภาคอสังหาริมทรัพย์จีน
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ธนาคารยักษ์ใหญ่แห่งยุโรปรายนี้ยังได้ตั้งเป้าหมายใหม่สำหรับผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้นที่จับต้องได้เฉลี่ย (ROTE) ซึ่งเป็นตัวชี้วัดสำคัญของผลประกอบการ โดยตั้งเป้าให้อยู่ที่ประมาณ 15% ในปี 2568 ซึ่งสอดคล้องกับตัวเลขที่คาดการณ์ไว้สำหรับปี 2567
นายโจ ดิกเคอร์สัน นักวิเคราะห์จากเจฟฟรีส์ (Jefferies) ให้ความเห็นว่า ผลประกอบการที่ออกมาดีเกินคาด พร้อมกับเป้าหมายผลตอบแทนใหม่ น่าจะช่วยเสริมความมั่นใจให้กับนักลงทุนได้
HSBC เปิดเผยว่า มีความคืบหน้าในแผนเพิ่มรายได้จากค่าธรรมเนียม เพื่อชดเชยรายได้จากการปล่อยกู้ที่ลดลง โดยคาดว่าธนาคารกลางหลายแห่งจะปรับลดดอกเบี้ยในช่วงปลายปีนี้
อนึ่ง HSBC มีกำหนดต้อนรับนายจอร์จ เอลเฮเดอรี ซีอีโอคนใหม่ในเดือนก.ย.นี้ หลังจากที่นายโนเอล ควินน์ เกษียณอายุ
"เรามั่นใจว่าเรามีกลยุทธ์และโมเดลธุรกิจที่เหมาะสมในการเพิ่มรายได้ แม้ในสภาวะที่ดอกเบี้ยต่ำ" นายควินน์ระบุในแถลงการณ์
ธนาคารที่มุ่งเน้นตลาดเอเชียแห่งนี้ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลที่ 10 เซนต์ต่อหุ้น ซึ่งเป็นการจ่ายครั้งที่สองของปี 2567 หลังจากประกาศจ่ายไปแล้ว 31 เซนต์ในไตรมาสที่แล้ว
การซื้อหุ้นคืนมูลค่า 3 พันล้านดอลลาร์ครั้งนี้ ต่อเนื่องจากการซื้อหุ้นคืนมูลค่า 5 พันล้านดอลลาร์ที่ประกาศไปเมื่อต้นปี ส่งผลให้ตลอดช่วงที่นายควินน์ดำรงตำแหน่งซีอีโอ ธนาคารได้จ่ายเงินปันผลไปแล้วรวม 3.6 หมื่นล้านดอลลาร์ และซื้อหุ้นคืนอีก 1.8 หมื่นล้านดอลลาร์ให้กับผู้ถือหุ้น
หลังประกาศผลประกอบการ หุ้น HSBC ในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงพุ่งขึ้นกว่า 3%
สำหรับครึ่งปีแรกนี้ HSBC รายงานว่ากำไรก่อนหักภาษีลดลง 0.4% สู่ระดับ 2.16 หมื่นล้านดอลลาร์ แต่ยังดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 2.05 หมื่นล้านดอลลาร์
รายได้จากธุรกิจบริหารความมั่งคั่งในช่วงครึ่งปีแรกพุ่งแตะ 4.3 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 12% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยได้แรงหนุนจากการขยายตัวของธุรกิจจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์การลงทุนและธนาคารลูกค้าบุคคลรายใหญ่ รวมถึงการเติบโตของธุรกิจจัดการสินทรัพย์และประกันชีวิต
HSBC ย้ำถึงความทุ่มเทต่อตลาดหลักในลอนดอนและฮ่องกง โดยชี้ให้เห็นว่าลูกค้าต่างชาติเพิ่มขึ้น 8% เป็น 2.7 ล้านรายในช่วงครึ่งปีแรก และมีลูกค้าใหม่เปิดบัญชีธนาคารในฮ่องกงถึง 345,000 ราย
นอกจากนี้ HSBC ยังเห็นสัญญาณที่ดีขึ้นจากเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวและภาคอสังหาริมทรัพย์จีนที่ซบเซา หลังจากที่ต้องตัดมูลค่าการลงทุนในตลาดจีนไปถึง 3 พันล้านดอลลาร์เมื่อปีที่แล้ว
รายได้ของหน่วยธุรกิจวาณิชธนกิจและตลาดทุนโลก (GB&M) ของ HSBC เพิ่มขึ้น 5% โดยได้แรงหนุนจากธุรกิจหุ้นที่ปรับตัวดีขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มของธนาคารคู่แข่งรายอื่น ๆ
โดยรวมแล้ว HSBC ได้ปรับประมาณการเล็กน้อย โดยคาดการณ์ว่าผลขาดทุนด้านเครดิตสำหรับทั้งปีจะอยู่ที่ประมาณ 0.30% ถึง 0.40% ลดลงจากปีก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ราว 0.40%
นอกจากนี้ HSBC ยังปรับเพิ่มประมาณการรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเป็นราว 4.3 หมื่นล้านดอลลาร์ จากเดิมที่คาดไว้ว่าจะไม่ต่ำกว่า 4.1 หมื่นล้านดอลลาร์
ขณะเดียวกัน ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานช่วงครึ่งปีแรกพุ่งขึ้นราว 5% เมื่อเทียบกับปีก่อน แตะที่ 1.63 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยสาเหตุหลักมาจากการทุ่มงบลงทุนด้านเทคโนโลยี แรงกดดันจากภาวะเงินเฟ้อ และการปรับเปลี่ยนช่วงเวลาจ่ายโบนัส
นอกจากนี้ HSBC ยังได้แต่งตั้งนายโจนาธาน บิงแฮม ให้ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินกลุ่มชั่วคราว โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 2 ก.ย.เป็นต้นไป
HSBC แจ้งว่า นายบิงแฮมจะยังคงทำหน้าที่ผู้ตรวจสอบการเงินการบัญชีระดับโลกควบคู่ไปด้วย ในขณะที่ธนาคารกำลังสรรหา CFO คนใหม่แบบถาวร ทั้งนี้ นายบิงแฮมเพิ่งย้ายมาร่วมงานกับ HSBC เมื่อปี 2563 หลังจากอยู่กับบริษัทตรวจสอบบัญชี KPMG มานานถึง 20 ปี