เฮอร์ชี่ย์ (Hershey) บริษัทผลิตช็อกโกแลตของสหรัฐปรับลดคาดการณ์กำไรและยอดขายประจำปีลง หลังยอดขายในไตรมาส 2/2567 ร่วงลงเกือบ 17% สะท้อนให้เห็นว่าผู้บริโภคซื้อขนมหวานและช็อกโกแลตน้อยลงเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานเมื่อวานนี้ (1 ส.ค.) ว่า ที่ผ่านมา เฮอร์ชี่ย์ถือเป็นหนึ่งในบริษัทไม่กี่แห่งที่ยังคงรักษาส่วนแบ่งการตลาดเอาไว้ได้ แม้ว่าปรับขึ้นราคาสินค้าเพื่อชดเชยต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นก็ตาม
อย่างไรก็ดี แนวโน้มความต้องการของตลาดเปลี่ยนแปลงไป เมื่อผู้บริโภคทุกระดับรายได้เริ่มระมัดระวังในการใช้จ่ายมากขึ้น และมองหาสินค้าทดแทนที่มีราคาถูกกว่า
มิเชล บัค ซีอีโอของเฮอร์ชี่ย์กล่าวว่า "จากสถานการณ์ในปี 2568 ที่เรามองเห็น เราได้เริ่มปรับขึ้นราคาสินค้าบางส่วนเพื่อชดเชยต้นทุนเงินเฟ้อที่คาดว่าจะเกิดขึ้น"
"เราจะทำงานอย่างใกล้ชิดกับพันธมิตรค้าปลีกของเราเพื่อปรับราคาสินค้าตามที่เราประกาศไปแล้ว รวมถึงปรับโครงสร้างราคาและขนาดบรรจุภัณฑ์ใหม่ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เพื่อชดเชยต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น"
ด้านนายนิค โมดี นักวิเคราะห์จาก RBC กล่าวว่า "ในระยะสั้น เราเชื่อว่าบริษัทจะต้องรับมือกับต้นทุนเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ท่ามกลางกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ลดลง ซึ่งอาจทำให้บริษัทมีโอกาสปรับราคาสินค้าได้อย่างจำกัด"
ทั้งนี้ คู่แข่งในอุตสาหกรรมอาหารแปรรูป เช่น มอนเดลีซ (Mondelez) และคราฟท์ ไฮนซ์ (Kraft Heinz) ต่างก็ปรับขึ้นราคาสินค้าไปแล้วในระดับเลข 2 หลักในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เพื่อรับมือกับต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น เช่น น้ำตาลและโกโก้
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่การขึ้นราคาสินค้าส่งผลกระทบต่อยอดขายขนมหวานของเฮอร์ชี่ย์ทั้งในและต่างประเทศ การลดราคาขนมขบเคี้ยวบางรายการกลับช่วยกระตุ้นยอดขายในอเมริกาเหนือได้
ข้อมูลจาก LSEG ระบุว่า ยอดขายสุทธิของเฮอร์ชี่ย์ในช่วงสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย. ลดลงเหลือ 2.07 พันล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 2.31 พันล้านดอลลาร์
ยอดขายสุทธิของผลิตภัณฑ์ขนมหวานในอเมริกาเหนือซึ่งเป็นตลาดใหญ่ที่สุดของเฮอร์ชี่ย์และคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 80% ของรายได้ต่อปี ลดลงเหลือ 1.58 พันล้านดอลลาร์ จาก 1.99 พันล้านดอลลาร์ในปีก่อนหน้า
หากไม่นับรายการพิเศษ กำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 1.27 ดอลลาร์ ต่ำกว่าที่ LSEG คาดการณ์ไว้ที่ 1.43 ดอลลาร์
เฮอร์ชี่ย์ขึ้นราคาสินค้า 1% แต่ปริมาณขายกลับดิ่งลง 18% ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นลดลงเหลือ 40.2% จาก 45.5% ในปีก่อนหน้า
เฮอร์ชี่ย์คาดการณ์ว่า ยอดขายสุทธิทั้งปีจะเติบโตประมาณ 2% ลดลงจากประมาณการเดิมที่ 2%-3% ขณะเดียวกัน กำไรต่อหุ้นที่ปรับปรุงแล้วคาดว่าจะลดลงเล็กน้อย จากเดิมที่ประมาณการไว้ว่า กำไรจะทรงตัว