แวนการ์ด กรุ๊ป อิงค์ (Vanguard Group, Inc.) บริษัทที่ปรึกษาด้านการลงทุนสัญชาติสหรัฐเปิดเผยว่า นักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากเกินไปเกี่ยวกับแนวโน้มเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI)
แวนการ์ดระบุว่า บริษัทต่างๆ จะต้องเพิ่มกำไรปีละ 40% ในช่วง 3 ปีข้างหน้าเพื่อให้สอดคล้องกับมูลค่าหุ้น ซึ่งเป็นอัตราที่สูงกว่า 2 เท่าจากค่าเฉลี่ยต่อปีในช่วงทศวรรษ 1920 ซึ่งมีไฟฟ้าใช้ทั่วประเทศ"
ขณะที่บริษัทเทคโนโลยียังคงขยายขอบเขตของปัญญาประดิษฐ์ ความตื่นเต้นในตลาดเกี่ยวกับเทคโนโลยีนี้ดูเหมือนจะไม่มีที่สิ้นสุด
แต่แวนการ์ดเปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดี (22 ส.ค.) ว่า ความตื่นเต้นเกี่ยวกับ AI นั้นคาดว่าจะเกิดขึ้นมากเกินไปและเร็วเกินไป
ตลาดวอลล์สตรีทเต็มไปด้วยการคาดการณ์ที่มองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับสิ่งที่ AI อาจทำเพื่อเศรษฐกิจและผลกำไรของบริษัท โดยส่วนใหญ่คาดการณ์ถึงการปฏิวัติในที่ทำงานของสหรัฐ และการเติบโตของผลผลิต
ความเชื่อมั่นดังกล่าวได้ช่วยดันให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 18% ตั้งแต่ต้นปีจนถึงวันพฤหัสบดี (22 ส.ค.)
แต่โจ เดวิส หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของแวนการ์ดมองว่า ความคาดหวังดังกล่าวสูงเกินไป และระบุว่า ราคาหุ้นมีมูลค่าสูงเกินจริง แม้ว่าการขยายตัวของ AI เกิดขึ้นตามที่คาดการณ์ไว้ก็ตาม
เขาประเมินว่า กำไรของบริษัทในสหรัฐจะต้องเติบโตปีละ 40% ในช่วง 3 ปีข้างหน้าเพื่อให้สอดคล้องกับมูลค่าหุ้นในปัจจุบัน ขณะที่ข้อมูลจาก FactSet บ่งชี้ว่า อัตราการเติบโตของผลประกอบการในรอบ 1 ปีของ S&P500 จนถึงไตรมาส2/2567 อยู่ที่ 10.9%
"ผมเชื่อมั่นเกี่ยวกับศักยภาพระยะยาวของ AI ในการเพิ่มผลผลิตของแรงงานและการเติบโตทางเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก" เดวิสระบุ
"แต่ผมไม่เชื่อมั่นว่า AI จะสามารถพิสูจน์ได้ถึงมูลค่าหุ้นที่สูงเกินไปแล้วได้หรือไม่ หรือจะช่วยเราให้รอดพ้นจากภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอในปีนี้หรือปีหน้าไปได้หรือไม่"
ทั้งนี้ มีความเป็นไปได้น้อยลงที่ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนจะพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ หากเศรษฐกิจชะลอตัวลงในปีหน้า โดยแวนการ์ดคาดการณ์ว่า GDP สหรัฐจะขยายตัวเพียง 1-1.5% ในปี 2568