เอชพี (HP) คาดการณ์กำไรไตรมาส 4/2567 ต่ำกว่าที่วอลล์สตรีทประเมินไว้ และได้ปรับลดประมาณการสำหรับปีนี้ลงเมื่อวันพุธที่ผ่านมา (28 ส.ค.) เนื่องจากความต้องการที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในตลาดคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (พีซี) และการแข่งขันด้านราคาที่รุนแรง แม้ว่ารายได้จะเพิ่มขึ้นครั้งแรกหลังจากผ่านไปกว่า 8 ไตรมาสก็ตาม
เอ็นริเก้ ลอเรส ซีอีโอของเอชพี กล่าวในระหว่างการประชุมทางโทรศัพท์หลังการประกาศผลประกอบการว่า เอชพีคาดการณ์ว่าการเติบโตของพีซีเชิงพาณิชย์จะยังคงดำเนินต่อไป แต่คาดว่าตลาดเครื่องพิมพ์จะฟื้นตัวช้าลง พร้อมเสริมว่า สภาพแวดล้อมการแข่งขันยังคงยากลำบาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคเครื่องพิมพ์และสำนักงาน
คาเรน พาร์คฮิล ซีเอฟโอของเอชพีกล่าวว่า บริษัทคาดการณ์ว่าการเติบโตตามฤดูกาลของกลุ่มผลิตภัณฑ์ระบบส่วนบุคคล ซึ่งรวมถึงเดสก์ท็อปและโน้ตบุ๊กพีซี จะต่ำกว่าปกติ
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า การเติบโตของรายได้ของบริษัทหดตัวลงในปี 2565 หลังจากสิ้นสุดช่วงบูมของความต้องการพีซีและผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ ในระหว่างการแพร่ระบาดของโควิด-19
อินเตอร์เนชั่นแนล ดาต้า คอร์ปอเรชั่น (IDC) บริษัทวิจัยตลาดระดับโลก ระบุว่า อุปสงค์ที่ซบเซาในจีน ซึ่งเป็นผู้บริโภคคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะรายใหญ่ที่สุด ยังคงฉุดรั้งตลาดเอาไว้
อย่างไรก็ตาม หากไม่รวมจีน ยอดจัดส่งพีซีทั่วโลกขยายตัวมากกว่า 5% ในไตรมาส 2/2567 เมื่อเทียบรายปี
เอชพีปรับลดประมาณการกำไรที่ปรับปรุงแล้วสำหรับปีงบประมาณ 2567 ให้เหลืออยู่ในช่วง 3.35-3.45 ดอลลาร์ต่อหุ้น เทียบกับประมาณการเดิมที่ 3.30-3.60 ดอลลาร์ต่อหุ้น
ตามข้อมูลของแอลเอสอีจี (LSEG) นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่ากำไรต่อหุ้นที่ปรับปรุงแล้วต่อปีจะอยู่ที่ 3.45 ดอลลาร์
เอชพีคาดว่ากำไรต่อหุ้นที่ปรับปรุงแล้วในไตรมาสที่ 4/2567 จะอยู่ระหว่าง 89-99 เซนต์ ซึ่งจุดกึ่งกลางของช่วงดังกล่าวต่ำกว่าที่แอลเอสอีจีประเมินไว้ที่ 95 เซนต์
สำหรับไตรมาสที่ 3/2567 เอชพีประกาศว่ามีรายได้เพิ่มขึ้น 2.4% แตะ 1.352 หมื่นล้านดอลลาร์ เทียบกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้โดยเฉลี่ยที่ 1.338 หมื่นล้านดอลลาร์ ตามข้อมูลของแอลเอสอีจี
นอกจากนี้ บริษัทยังได้เพิ่มวงเงินซื้อหุ้นคืนเป็น 1 หมื่นล้านดอลลาร์อีกด้วย